บลจ.ทิสโก้ ส่ง “กองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรออสเตรเลีย 2” ออกสู่ตลาดต่อเนื่อง หลังกองบอนด์นิวซีแลนด์ 1-3 ขายหมดเกลี้ยง ชูผลตอบแทนสูงถึง 5.1 % ต่อปี เปิดขายครั้งเดียววันที่ 14 – 20 ก.พ. นี้ ลงทุนขั้นต่ำ 2 หมื่นบาท เชื่อมั่น “ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์” ไม่ได้รับผลกระทบเศรษฐกิจโลกชะลอตัวมากนัก ประกอบกับเป็นประเทศที่ความเสี่ยงต่ำและค่าเงินไม่ผันผวน เผยปีนี้พร้อมทยอยออกกองต่างประเทศต่อเนื่อง เน้นบอนด์เรตติ้งดี-ยิลด์สูง, ETF และ Structured Note ลิงก์ดัชนีต่างประเทศ
นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากประสบความสำเร็จจากการระดมทุนได้กว่า 1,179 ล้านบาท จากการเสนอขาย “กองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรออสเตรเลีย” เมื่อเดือนธันวาคม ปีที่ผ่านมา และ “กองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรนิวซีแลนด์ 1, 2 และ 3” ที่ได้รับการตอบรับที่ดีมาก สามารถระดมทุนได้กว่า 3,344 ล้านบาท เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมานั้น
ล่าสุดบริษัทจึงเตรียมเสนอขาย “กองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรออสเตรเลีย 2” อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศออสเตรเลีย มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท ระยะเวลาลงทุนประมาณ 1 ปี 7 เดือน 15 วัน
“สำหรับสาเหตุที่เลือกลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศออสเตรเลีย เนื่องจากเป็นประเทศที่ให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสูง ประกอบกับรัฐบาลออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีเครดิตเรตติ้ง หรืออันดับความน่าเชื่อถือสูงที่สุด คือ AAA จึงทำให้การลงทุนในพันธบัตรของประเทศออสเตรเลียมีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะช่วยลดความกังวลของนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงด้วยการลงทุนในต่างประเทศ แต่ยังคงกังวลในเรื่องสถานการณ์ความผันผวนต่างๆ เช่น ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และวิกฤติซับไพร์มจากสหรัฐอเมริกา ก็หันมาลงทุนในประเทศแถบเอเชียแปซิฟิก ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าแทน”
ทั้งนี้ “กองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรออสเตรเลีย 2” มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลออสเตรเลียไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และส่วนที่เหลือจะลงทุนในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาลไทย และ/หรือเงินฝาก โดยกองทุนจะลงทุนในรูปสกุลเงินดอลล่าร์ออสเตรเลีย ทั้งนี้กองทุนมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนด้วย เนื่องจากไม่มีการซื้อสัญญาฟอร์เวิร์ดเพื่อป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนมากขึ้น หากค่าเงินบาทอ่อนลงเมื่อเปรียบเทียบกับเงินดอลล่าร์ออสเตรเลีย เนื่องจากเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนของค่าเงินบาทต่อเงินสกุลเงินดอลล่าร์ออสเตรเลียจะไม่ผันผวนมากนัก
“กองทุนนี้คาดว่าจะให้ผลตอบแทนประมาณ 5.1% ต่อปี โดยพิจารณาจากอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลออสเตรเลียที่คาดว่าจะลงทุน ซึ่งได้แก่พันธบัตรรัฐบาลออสเตรเลีย รุ่น 7 1/2 09/09 ที่ครบอายุในเดือนกันยายน 2009 ที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนประมาณ 6.7% ต่อปี (www.Bloomberg.com, ข้อมูล ณ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2551) ด้วยสัดส่วนการลงทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือจะลงทุนในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล และ/หรือเงินฝาก ผลตอบแทนประมาณ 3% ต่อปี เพื่อรักษาสภาพคล่องของกองทุน โดยมีค่าใช้จ่ายของกองทุนประมาณ 0.9 %ต่อปี” นายธีรนาถ กล่าว
ทั้งนี้ กองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรออสเตรเลีย 2 จะได้รับผลตอบแทนเป็นสกุลเงินดอลล่าร์ออสเตรเลีย โดยสัดส่วนการลงทุนและอัตราผลตอบแทนอาจเปลี่ยนแปลงไป ขึ้นอยู่กับผลการประมูลของตราสาร ณ วันที่ลงทุนและการเปลี่ยนแปลงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โดยจะเสนอขายครั้งเดียวในวันที่ 14-20 ก.พ. 51 นี้ เงินลงทุนขั้นต่ำอยู่ที่ 20,000 บาท
นอกจากนี้ นายธีรนาถ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมถึงกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศกองต่อๆ ไป ที่บลจ. ทิสโก้จะทยอยออกในปีนี้ว่า บริษัทมีความสนใจการลงทุนใน 3 รูปแบบด้วยกัน คือ พันธบัตรรัฐบาลต่างประเทศที่มีการจัดอันดับอยู่ในอันดับที่ดี (Rating ไม่ต่ำกว่า A-), ETF (Exchange Traded Fund) และตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง หรือ Structured Note ที่อิงกับตลาดต่างประเทศ (Offshore underlying)
“สำหรับบอนด์ต่างประเทศที่เราจะเลือกลงทุนในปีนี้ ต้องมีผลตอบแทนที่ดี อยู่ในระหว่าง 4-7% และมี เรตติ้งไม่ต่ำกว่า A- รวมทั้งมีสภาพคล่องสูง และซื้อขายง่าย ส่วน ETF ที่เราสนใจเพราะมีต้นทุนต่ำกว่ากองทุนรวมทั่วไป และแนวโน้ม ETF ทั่วโลกก็จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นทางเลือกใหม่ในการลงทุนที่น่าสนใจ
สำหรับ Structured Note ที่เราจะเข้าไปลงทุนจะต้องได้รับการคุ้มครองเงินต้น มีอายุประมาณ 1-3 ปี และอิงกับดัชนี อัตราดอกเบี้ย หรือราคาสินค้า Commodity ในต่างประเทศ เช่นลิงก์กับดัชนีตลาดหลักทรัพย์จีน อินเดีย รัสเซีย S&P500 หรืออิงกับราคาน้ำมัน ทองคำ หรืออิงกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของประเทศนั้นๆ เป็นต้น” นายธีรนาถกล่าว
ผู้สนใจลงทุนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บลจ. ทิสโก้ โทร. 02-633-7351-57 หรือหน่วยลูกค้าสัมพันธ์กองทุนรวม โทร. 02 633 7777 หรือ www.tiscoasset.com