MJD โชว์กำไรปี 50 กว่า 279 ล้านบาท จ่ายปันผล 0.25 บาท/หุ้น มั่นใจรายได้ปีนี้พุ่ง

MJD ปลื้มกำไรปี 50 กว่า 279 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 7.39% เตรียมขออนุมัติจ่ายเงินปันผล 0.25 บาท/หุ้น “สุริยน” เผยพอใจผลงานโตต่อเนื่องทุกไตรมาส ตั้งเป้าปี’51 ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากการทยอยรับรู้รายได้โครงการเพิ่มขึ้น พร้อมสานต่อความสำเร็จ เล็งผุดโครงการใหม่อีก 3 โครงการ ย่านทำเลทอง สุขุมวิท-พัทยา-หัวหิน มูลค่าเกือบ 10,000 ล้านบาท

นายสุริยน พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MJD ผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานปี 2550 ว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 279.72 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.54 บาท (คิดถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักหุ้นสามัญ) ซึ่งถือว่าเป็นอัตรากำไรที่น่าพอใจ แม้ว่าจะมีผลกระทบหลายด้านในปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของต้นทุนที่เพิ่มขึ้น หรือแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น โดยเป็นผลกระทบมาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความไม่แน่นอนด้านการเมือง นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายในการบริหารที่เกิดจากการนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกด้วย แต่บริษัทฯ ก็ยังรักษาการเติบโตเป็นไปตามเป้า

ทั้งนี้ ในด้านของรายได้จากการขายปี 2550 สามารถทำได้ 2,198.65 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าปี 2549 ที่ทำได้ 1,601.40 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 597.25 ล้านบาท หรือ 37.30% ส่งผลให้บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิ 279.72 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.54 บาท(คิดถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักหุ้นสามัญ) หรือเท่ากับกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.40 บาท (Fully Diluted) เมื่อคิดจากหุ้นสามัญจำนวน 700 ล้านหุ้น

“จากกำไรสุทธิต่อหุ้น เมื่อเทียบกับราคาหุ้นในตลาดปัจจุบัน (ราคาปิด ณ 25 ก.พ.51) จะมีค่า P/E เท่ากับ 10.62 เท่า ขณะที่หนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ระดับเพียง 1.60 เท่า ในขณะที่กำไรที่เพิ่มขึ้นจะมาจากการรับรู้รายได้โครงการทั้งหมด 5 โครงการ ได้แก่ โครงการวอเตอร์มาร์ค ทาวเวอร์ เอ จำนวน 1,085.74 ล้านบาท โครงการแมนฮัตตัน ชิดลม จำนวน 638.56 ล้านบาท โครงการวอเตอร์มาร์ค ทาวเวอร์ บี จำนวน 296.54 ล้านบาท โครงการ ฟูลเลอตัน สุขุมวิท จำนวน 134.18 ล้านบาท และบางส่วนจากโครงการวินด์ สุขุมวิท 23 จำนวน 44.01 ล้านบาท ” นายสุริยน กล่าว

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังได้จ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นสำหรับผลประกอบการงวดปี 2550 โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2551 มีมติในการจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท โดยจะปิดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อกำหนดสิทธิการรับเงินปันผลในวันที่ 29 เมษายน 2551 ทั้งนี้ จะนำเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติต่อไป

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MJD กล่าวอีกว่า บริษัทฯ ยังยืนยันจะทำตามนโยบายที่จ่ายเงินปันผลให้
ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% จากกำไรสุทธิอย่างแน่นอน รวมถึงมีนโยบายปันผลระหว่างกาลโดยพิจารณาผลประกอบการครึ่งปีแรก แผนการขยายธุรกิจ สภาพคล่องและความเหมาะสมอื่น ๆ

สำหรับแผนธุรกิจในปี 2551 บริษัทฯ วางแผนที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ อีก 3 โครงการ มูลค่ารวมทั้งสิ้นเกือบ 10,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการแรกเป็นคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ ที่สุขุมวิท 31 สูงกว่า 30 ชั้น จำนวน 2 อาคาร มูลค่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ ได้ร่วมทุนกับบริษัท เอไอจี โกลบอล เรียลเอสเตท อินเวสต์เม้นต์ (AIG) ในสัดส่วน 51:49 คาดว่าจะเปิดขายให้กับลูกค้าเดิมก่อนในช่วงเดือนมีนาคม และจะเปิดขายอย่างเป็นทางการประมาณกลางปีนี้

ส่วนโครงการที่สอง เป็นคอนโดมิเนียมไฮไรส์ บริเวณหาดจอมเทียน พัทยา1 สูงกว่า 40 ชั้น จำนวน 2 อาคาร มูลค่า 3,300 ล้านบาท และโครงการที่สาม ที่หัวหิน เป็นคอนโดมิเนียม สูง 8 ชั้น และ 4 ชั้น จำนวน 8-10 อาคาร บนเนื้อที่ 16 ไร่ มูลค่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งทั้งสองโครงการนี้จะเปิดขายในไตรมาส 2 ปีนี้

“ในปี 2551 บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้จากการทยอยรับรู้รายได้จากคอนโดมิเนียมประมาณ 6-7 โครงการโดยมาจาก โครงการวอเตอร์มาร์ค เจ้าพระยาริเวอร์ ทั้งทาวเวอร์ A และทาวเวอร์ B, โครงการ อกัสตัน สุขุมวิท 22 , มิคโคนอส หัวหิน, โครงการแมนฮัตตัน ชิดลม และโครงการ วินด์ ทั้งสุขุมวิท 23 และ รัชโยธิน โดยแต่ละโครงการสามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่เป็นนักธุรกิจ ที่ชื่นชอบการใช้ชีวิตอิสระ ท่ามกลางแหล่งอำนวยความสะดวกครบครัน แบบ Lifestyle Community ซึ่งบริษัทฯ ยังคงเน้นจุดเด่นที่คุณภาพระดับพรีเมี่ยมและความเป็นมืออาชีพ” นายสุริยน กล่าว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MJD กล่าวเสริมอีกว่า ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง MJD จะเน้นการควบคุมต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยบริษัทฯ จะจ้างแบบเหมากำหนดราคาคงที่ โดยผู้รับเหมาก่อสร้างจะเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดซื้อวัสดุก่อสร้างหลัก โดยคำนวณรวมเป็นส่วนหนึ่งในราคาค่าจ้างก่อสร้าง เพื่อลดความเสี่ยงในการแบกรับต้นทุนที่มีการผันผวนไปตามราคาวัสดุก่อสร้างและราคาน้ำมัน ในขณะที่การพัฒนาโครงการใหม่ในปีนี้ ก็จะเน้นทำเลที่เหมาะสม โดยยังคงมุ่งเน้นโครงการในพื้นที่ศูนย์กลางทางธุรกิจ (CBD area) เช่น สีลม สาทร หลังสวน และสุขุมวิท รวมถึงเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ เช่น หัวหิน พัทยา เป็นต้น ซึ่งปัจจุบัน MJD ก็มีโครงการในพื้นที่ดังกล่าวอยู่แล้ว และได้รับผลตอบรับที่ดีเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ MJD ยังมีจุดขายที่แตกต่างจากคู่แข่ง และกำหนดราคาขายให้ตรงกับกลุ่มลูกค้า อีกด้วย

บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MJD เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของคนไทยที่มุ่งเน้นพัฒนาที่ดินเพื่อการอยู่อาศัย ประเภทคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ โดยเน้นพัฒนาโครงการที่มีจุดขายที่แตกต่างและชัดเจน มุ่งเน้นการนำเสนอนวัตกรรมและแนวคิดใหม่ๆ ในการเพิ่มคุณค่าของโครงการ เพื่อประโยชน์สูงสุดกับผู้พักอาศัย และได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าระดับบนเสมอมา โดยยังคงเน้นที่คุณภาพระดับพรีเมี่ยมที่เป็นจุดเด่นและความเป็นมืออาชีพของเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์