นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การไปให้ข้อมูลและพบปะกับผู้ลงทุน ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 17–21 มีนาคม ที่ผ่านมานั้น ได้มีการพบกับทั้งผู้ลงทุนสถาบันตามคำเชิญของ บล.พัฒนสิน ร่วมกับ Nomura Securities และพบกับผู้ลงทุนบุคคลตามคำเชิญของ บล.ยูไนเต็ด ร่วมกับ United World Japan K.K. ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จในการไปให้ข้อมูลแก่ผู้ลงทุนญี่ปุ่นได้รับทราบข้อมูลในเชิงลึกเกี่ยวกับตลาดทุนไทยมากขึ้น โดยเห็นได้ว่าผู้ลงทุนพอใจกับข้อมูลที่ได้รับ ทำให้มีความมั่นใจในการเข้ามาลงทุนในตลาดทุนไทยมากยิ่งขึ้นหลังจากวิคราะห์ข้อมูลโดยละเอียดแล้ว
สำหรับการให้ข้อมูลแก่ผู้ลงทุนสถาบันระหว่างวันที่ 17 – 19 มี.ค.นั้น ผู้ลงทุนที่มารับฟังข้อมูลประกอบด้วย ผู้บริหารและผู้จัดการกองทุนของบริษัทหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน บริษัทที่ปรึกษาการลงทุน และสถาบันการเงินจำนวน 12 ราย โดยมีการพบปะทั้งแบบตัวต่อตัว (One-on-One Meeting) การประชุมกลุ่ม (Group Meeting) และมีโอกาสเข้าพบเยี่ยมเยียนผู้บริหารระดับสูงของสถาบันการเงินต่างๆ ด้วย
ด้านบริษัทจดทะเบียนที่ร่วมเดินทางไปให้ข้อมูลด้วยได้แก่ บมจ.ธ.ไทยพาณิชย์ (SCB) บมจ.ปตท. (PTT) บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชั่น (AMATA) และบมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERAWAN) ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนสถาบันอย่างต่อเนื่องเพราะเป็นตัวแทนภาคธุรกิจที่สำคัญของตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยได้พบและให้ข้อมูลกับผู้ลงทุนสถาบันแบบตัวต่อตัวบริษัทละไม่ต่ำกว่า 5 การประชุม รวมทั้งสิ้นถึง 35 การประชุม
“การให้ข้อมูลครั้งนี้นับว่าประสบความสำเร็จ โดยจากการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการเห็นความสำคัญของตลาดทุนไทยจากรัฐบาล การมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การยกเลิกมาตรการกันเงินทุนสำรองระยะสั้นร้อยละ 30 รวมทั้ง การเดินหน้านโยบายลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ ทำให้ผู้ลงทุนสถาบันมั่นใจในการมาลงทุนในตลาดทุนไทยมากยิ่งขึ้น โดยสถาบันการเงินที่ตลท.ได้เข้าพบ มีมุมมองที่เป็นบวกกับตลาดทุนไทย โดยบางแห่งได้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในไทย (Overweight) มีการแนะนำให้ซื้อหุ้นในไทย สิ่งที่สำคัญ คือ นักลงทุนที่ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ของไทยในช่วงปีที่ผ่านมา พบว่าได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นไทยที่ดี ไม่แกว่งตัวมากเหมือนตลาดหลักทรัพย์ฯ อื่นๆ ในเอเชียด้วย จึงเชื่อมั่นว่าจะมีการเพิ่มการลงทุนจากผู้ลงทุนญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น” นางภัทรียากล่าว
สำหรับการให้ข้อมูลกับผู้ลงทุนบุคคล ตามคำเชิญของบล.ยูไนเต็ด ซึ่งจัดร่วมกับ United World Japan K.K. เมื่อวันที่ 20 และ 21 มีนาคม 2551 นั้น มีผู้ลงทุนบุคคลสนใจเข้าร่วมฟังข้อมูลด้วยตนเองจำนวน 200 คน และดูข้อมูลผ่านวีดีโอการบรรยายสดทางอินเทอร์เน็ตอีก 650 คน
นายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการ สายงานศูนย์ระดมทุน ตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งเป็นผู้ไปให้ข้อมูลกับผู้ลงทุนบุคคลกล่าวว่า ผู้ลงทุนบุคคลชาวญี่ปุ่น มีความพอใจกับข้อมูลที่ไปนำเสนอและไม่เป็นห่วงในสถานการณ์การเมือง และเชื่อถือในสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันที่ได้รับ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และภาพรวมเกี่ยวกับตลาดทุนไทย และมีความเชื่อมั่นที่จะลงทุนในตลาดหุ้นไทยต่อไป
“ผู้ลงทุนบุคคลชาวญี่ปุ่นได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับการลดภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หุ้นที่จะมีการทำ IPO มากขึ้นในปี 2551 นี้ รวมทั้งให้ความสนใจที่จะลงทุนในหุ้นปันผล และหุ้นที่มีความเกี่ยวข้องกับโครงการลงทุนของรัฐบาล เช่น ก่อสร้าง สถาบันการเงิน ธุรกิจท่องเที่ยว และโรงแรม ดังนั้น จึงมีความต้องการข้อมูลในเชิงลึกภาษาญี่ปุ่นมากยิ่งขึ้น เช่น ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน เป็นต้น ตลท. จึงได้ใช้โอกาสนี้ แนะนำข้อมูลภาษาญี่ปุ่นที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จัดทำและเผยแพร่บน www.set.or.th แล้วตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งมี link เชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ของบริษัทหลักทรัพย์ที่ให้บริการแก่ลูกค้าชาวญี่ปุ่นไปพร้อมกันด้วย ” นายวิเชฐกล่าว
กรรมการและผู้จัดการกล่าวสรุปว่า พื้นฐานที่แข็งแกร่งของตลาดทุนไทย ซึ่งเห็นได้จากการที่บริษัทจดทะเบียนมีประสิทธิภาพในการดำเนินงานดีขึ้นจากปีก่อน รวมทั้ง ข้อมูลผลตอบแทนจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้น เป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจลงทุนของผู้ลงทุนชาวญี่ปุ่นอย่างมาก การไปให้ข้อมูลแก่ผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนบุคคลชาวญี่ปุ่น ทำให้ได้รู้จักตลาดทุนไทยมากขึ้นในครั้งนี้ ได้เพิ่มความใกล้ชิดระหว่างตลาดหุ้นไทยกับผู้ลงทุนชาวญี่ปุ่นมากยิ่งขึ้น จึงเชื่อมั่นว่า จะมีส่วนช่วยให้การตัดสินใจลงทุนในตลาดทุนไทยมากขึ้นตามลำดับ โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ จะทำงานกับบริษัทหลักทรัพย์เพื่อให้ผู้ลงทุนชาวญี่ปุ่น ได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการลงทุนอย่างใกล้ชิดต่อไป