สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านวาง 2 มาตรการณ์หลัก สร้างฐานระยะยาวพร้อมมุ่งพัฒนาตลาดรับสร้างบ้าน

สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน วางฐานระยะยาวสร้างความยั่งยืนในกลุ่มธุรกิจ รุกสร้างบุคลากร เพิ่มมาตรฐานในวิชาชีพ พร้อมจัดกิจกรรมทางการตลาดกระตุ้นตลาดครึ่งปีหลังผ่านงาน รับสร้างบ้าน 2008 เชื่อกำลังซื้อในตลาดรับสร้างบ้านยั้งมีสูง โดยเฉพาะบ้านขนาดใหญ่ที่คึกคักต่อเนื่อง มั่นใจปีนี้มูลค่าตลาดรวมจะเท่ากับปีที่แล้วที่ประมาณ 8,500 ล้านบาท

นายพันธุ์เทพ ทานชิติกุล นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า ในส่วนของธุรกิจรับสร้างบ้านในช่วงครึ่งปีแรกถือว่าได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจพอสมควร โดยเฉพาะในส่วนของต้นทุนที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ในส่วนของกำลังซื้อในตลาดรับสร้างบ้านยังคงมีความต้องการอยู่เช่นกัน เนื่องจากลูกค้าในกลุ่มธุรกิจรับสร้างบ้านจะเป็นกลุ่มที่มีวินัยในการออมสูง และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีเงินสดมาก แต่ที่กำลังซื้อดูลดลงเนื่องจากลูกค้าบางกลุ่มยังไม่มั่นใจกับสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจ และการเมืองในปัจจุบันทำให้ในช่วงครึ่งปีแรกตลาดรับสร้างบ้านยังมีความคึกคักไม่มากนัก แต่ในขณะเดียวกัน จำนวนบ้านที่มีขนาดใหญ่มีแนวโน้มการติดต่อเข้ามามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งอาจเป็นเพราะกลุ่มนี้ไม่มีปัญหาเรื่องการเงินแต่ต้องการเร่งสร้างเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาราคาวัสดุก่อสร้างที่มีการปรับตัวสูงขึ้น

ในส่วนของสมาคมฯ เองก็ได้มีการพูดคุยและวางแผนระยะยาว เพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหา และเตรียมที่จะพัฒนา 2 เรื่องใหญ่ ๆ ซึ่งประกอบไปด้วย การสร้างรากฐานที่ยั่งยืนให้กับธุรกิจรับสร้างบ้านและมวลสมาชิก และการขยายฐานของตลาดรับสร้างบ้านด้วยกิจกรรมทางด้านการตลาด โดยในส่วนของการสร้างรากฐานที่ยั่งยืนนั้นในปัจจุบัน สมาคมฯ พยายามที่จะพัฒนาบุคลากรขั้นพื้นฐานของงานรับสร้างบ้านเพื่อมารองรับการขยายตัวของตลาด โดยเฉพาะการเข้าไปร่วมมือกับวิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง เปิดหลักสูตรสาขาเทคนิคการก่อสร้าง สำหรับนักเรียนในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) เพื่อพัฒนาบุคลากรป้อนให้กับบริษัทสมาชิกในสมาคม นอกจากนี้สมาคมฯ ยังมีแนวคิดที่จะจัดทำศูนย์ข้อมูลรับสร้างบ้านเพื่อนำมาใช้เป็นข้อมูลของสมาชิก ในการตัดสินใจวางแผนงานของบริษัท รวมถึงเป้าหมายที่จะเป็นศูนย์กลางของข้อมูลในตลาดรับสร้างบ้านและเผยแพร่ออกไปยังสาธารณชนทั่วไป

“ต้องยอมรับว่าครึ่งปีแรกตลาดได้รับผลกระทบมาก ทั้งด้านต้นทุนและกำลังซื้อที่ชะลอตัวลง ในส่วนของสมาคมฯ เองเราก็พยายามหามาตรการมารองรับ ซึ่งทั้ง 2 มาตรการหลักเราไม่ได้มุ่งแก้ปัญหาเฉพาะตอนนี้ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นคิดว่าเป็นปัญหาระยะสั้นตามสภาวะของเศรษฐกิจ การแก้ปัญหาจริง ๆ เราต้องมองรากฐานระยะยาว ในเวลาที่ตลาดกลับมาคึกคักเราก็จะพร้อมที่จะเดินหน้าต่อได้ทันที ที่เรามองคือเราคิดเรื่องการสร้างคนที่มีมาตรฐานเข้ามาทำงาน เรามองเรื่องข้อมูลที่มาสนับสนุนต้องชัดเจนการวางแผนจึงจะเกิดผลเราถึงคิดทำศูนย์ข้อมูลขึ้นมา ซึ่งตรงนี้จะช่วยให้ข้อมูลเรามีความถูกต้องและชัดเจนมากขึ้น” นายพันธุ์เทพ กล่าว

นายพันธุ์เทพ กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของการขยายฐานของตลาดรับสร้างบ้านด้วยกิจกรรมทางการตลาด เป็นเรื่องที่มีการเน้นกันทุกปี โดยส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นการจัดกิจกรรมโดยการออกบูธของสมาชิกสมาคมฯ ซึ่งปรกติ มีการจัดปีละ 2 ครั้งคือ ในช่วงต้นปี ซึ่งจัดเฉพาะสมาชิกสามัญเท่านั้น ขณะที่งานใหญ่ คือ งานรับสร้างบ้าน จะมีการจัดกันขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง โดยในปีนี้กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 20-24 สิงหาคม 2551 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งในปีนี้ถือเป็นปีแรกที่มีบริษัทรับสร้างบ้านเข้ามาร่วมออกงานมากกว่า 50 บริษัท พร้อมด้วยกลุ่มผู้ผลิตวัสดุก่อสร้าง สถาบันการเงิน นอกจากนี้ยังมีการจัดงานตรงกับงาน Home Expo 2008 ที่จัดโดยนิตยสารโฮมบายเออร์ ไกด์ ที่เน้นกลุ่มเป้าหมายที่เข้ามาซื้อบ้านจัดสรร คาดว่าจะเพิ่มความคึกคักภายในงานเป็นอย่างมาก โดยน่าจะสามารถกระตุ้นตลาดในช่วงครึ่งปีหลังได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะการดึงกำลังซื้อในช่วงครึ่งปีแรกที่ชะลอตัวลงกลับมาหลังจากที่ในปีที่แล้วงาน รับสร้างบ้าน ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างงดงามกับยอดขายในงานที่มีสูงถึง 1,500 ล้านบาท

ในส่วนของตลาดรับสร้างบ้านในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าน่าจะมีความคึกคักขึ้นหลังจากที่ในช่วงครึ่งปีแรก ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากหลาย ๆ เรื่อง หากปัญหาด้านการเมืองมีความชัดเจนคาดว่ากำลังซื้อ จะทยอยกลับเข้ามาในตลาดอย่างแน่นอน โดยในปัจจุบันจากที่มีการสอบถามทางสมาชิกของสมาคมฯ พบว่ามีลูกค้าสนใจปลูกสร้างบ้านเพิ่มมากขึ้น แต่บางส่วนก็มีการชะลอการตัดสินใจออกไป คาดว่า หากมีการจัดกิจกรรมกระตุ้นเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะสามารถดึงกำลังซื้อกลุ่มนี้กลับมาได้เป็นจำนวนมาก ส่วนมูลค่ารวมของตลาดรับสร้างบ้านนั้นในปี 2551 คาดว่าน่าจะพอ ๆ กับในปี 2550 คือ มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 8,500 ล้านบาท