บลจ.ไอเอ็นจี เปิดตัวนวัตกรรมการลงทุนรูปแบบใหม่ คลอดกองทุน ‘ดับบลิวทีไอ ออยล์ ลิงค์’

บลจ.ไอเอ็นจีสบช่องภาวะวิกฤติราคาน้ำมัน เดินหน้าเปิดตัวกองทุนใหม่ “กองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย ดับบลิวทีไอ ออยล์ ลิงค์” เน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่อ้างอิงกับราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส เผยจุดเด่นอยู่ที่ผลตอบแทนอ้างอิงกับราคาน้ำมันแบบคุ้มครองเงินต้น 100% ในรูปสกุลเงินเหรียญออสเตรเลีย พร้อมเลิกกองทุนทันทีหากราคาน้ำมันขยับเพิ่ม 6% นับจากวันเริ่มลงทุนตามเงื่อนไขที่กำหนด และผู้ลงทุนจะได้รับอัตราผลตอบแทนที่ประมาณ 10% ต่อปี คาดพร้อมเปิดเสนอขายปลายเดือนกรกฎาคมนี้

นายมาริษ ท่าราบ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บลจ.ไอเอ็นจี เตรียมพร้อมที่จะเปิดเสนอขาย “กองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย ดับบลิวทีไอ ออยล์ ลิงค์” ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนในตั๋วสัญญาใช้เงินที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note) แบบคุ้มครองเงินต้น 100% ในสกุลเงินเหรียญดอลลาร์ออสเตรเลีย โดยตราสารดังกล่าวจะมีผลตอบแทนที่อ้างอิงกับการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (NYMEX WTI Crude Oil หรือ CL1) ที่เพิ่มขึ้น

“กองทุนนี้ถือเป็นกองทุนแรกที่มีผลตอบแทนจากการลงทุนอ้างอิงกับการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ซึ่งถือว่าสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่เราประสบกับปัญหาวิกฤติราคาน้ำมันโลกที่มีแนวโน้มว่าจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ส่วนสาเหตุที่เราเลือกน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสนั้นเพราะน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสถือเป็นตลาดซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้าที่มีสภาพคล่องและสัดส่วนการซื้อขายล่วงหน้ามากที่สุดประมาณ 50% ของยอดการซื้อขายในตลาดโลก และยังถูกใช้เป็นเกณฑ์มาตรฐาน (Benchmark) ในการอ้างอิงราคาน้ำมันดิบที่ใช้มากที่สุดในโลกด้วย” นายมาริษกล่าว

โดยจุดเด่นของ “กองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย ดับบลิวทีไอ ออยล์ ลิงค์” อยู่ที่การที่ผู้ลงทุนมีโอกาสรับผลตอบแทนสูงถึง 10% ต่อปี จากการที่ราคาน้ำมัน NYMEX WTI ปรับเพิ่มขึ้น 6% นับจากวันที่ลงทุนเริ่มแรก ณ วันที่กำหนด คือ พิจารณาทุกๆ 6 เดือน (เดือนที่ 6, 12, 18 และเดือนที่ 24) โดยเทียบกับราคาปิดของวันที่ลงทุนวันแรก หากราคาปิดมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงเท่ากับหรือมากกว่า 6% ผู้ออกตราสารจะทำการชำระคืนเงินต้นและผลตอบแทนรวม 10% ต่อปี ในรูปสกุลเงินเหรียญดอลลาร์ออสเตรเลีย ซึ่งกองทุนจะทำการรับซื้อคืนอัตโนมัติและเลิกกองทุนตามระยะเวลาที่ทำได้ (ในเดือนที่ 6 จะได้รับผลตอบแทนที่ 105% ต่อเงินต้น หรือ ในเดือนที่ 12 จะได้รับที่ 110% ต่อเงินต้น หรือ ในเดือนที่ 18 จะได้รับที่ 115% ต่อเงินต้น หรือในเดือนที่ 24 เดือนได้รับที่ 120% ต่อเงินต้น)

ทั้งนี้หากในแต่ละรอบการพิจารณา หากราคาปิดมีการปรับตัวไม่ถึง 6% สามารถรอพิจารณาในรอบถัดไป เช่น ในรอบเดือนที่ 6 หากราคาปิดปรับตัวไม่ถึง 6% สามารถรอพิจารณาในรอบถัดไป คือ ในรอบเดือนที่ 12 และจะทำการพิจารณาเช่นนี้ในรอบถัดไปหากราคาปิดปรับตัวไม่ถึง 6% เช่นกัน อย่างไรก็ตาม หากครบกำหนดระยะเวลาลงทุน 2 ปีแล้ว หากราคาปิดไม่สามารถปรับตัวเพิ่มสูงกว่า 6% ได้ ผู้ออกตราสารจะชำระคืนเงินต้นในรูปสกุลเงินเหรียญดอลลาร์ออสเตรเลียให้กับผู้ลงทุนเท่านั้น

จากกลไกการลงทุนดังกล่าว ทางกองทุนรวมไอเอ็นจี ได้ทำแบบจำลองการลงทุนดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2544 จนถึงวันที่ 26 พฤษภาคม 2549 โดยมีตราสารลงทุนรวม 1,821 ครั้ง พบว่า 68.15% หรือตราสารที่ลงทุน 1,241 ครั้ง มีราคาปิดที่สูงกว่า 6% และสามารถจ่ายคืนเงินต้นและผลตอบแทนคืนได้ในเดือนที่ 6 โดยมีเพียง 14.44% ที่สามารถจ่ายคืนได้ในเดือนที่ 12 และ 14.33% สามารถจ่ายคืนได้ในเดือนที่ 18 และ 2.91% ที่สามารถจ่ายคืนได้ในเดือนที่ 24 โดยมีเพียง 0.16% หรือเพียง 3 ครั้งเท่านั้นที่ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มไม่ถึง 6% ตลอดอายุและผู้ลงทุนได้รับชำระคืนเฉพาะเงินต้น ณ สิ้นปีที่ 2 ซึ่งเป็นปีครบกำหนดอายุการลงทุน

สำหรับกองทุนนี้ยังมีจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งที่สามารถสร้างความมั่นใจในการลงทุนก็คือ การคุ้มครองเงินต้น 100% ในรูปสกุลเงินเหรียญดอลลาร์ออสเตรเลีย ซึ่งหากพิจารณาทิศทางของค่าเงินนั้นมีโอกาสแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินบาทไทยในอนาคต โดยในปัจจุบันนับตั้งแต่ต้นปีมาเงินเหรียญดอลลาร์ออสเตรเลียได้แข็งค่าขึ้นมาประมาณ 10% แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ในกรณีที่เงินเหรียญดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับเงินบาทไทย เพราะกองทุนไม่ได้มีการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนดังกล่าว

“ต้องยอมรับว่า ในปัจจุบันความต้องการใช้น้ำมันเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ในขณะที่พลังงานทดแทนอื่นๆ ยังมีสัดส่วนน้อย นอกจากนี้ กำลังการผลิตน้ำมันก็ยังคงมีอยู่อย่างจำกัด โดยกำลังการผลิตสำรองของกลุ่มโอเปคเหลือเพียง 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับ 6-7 ปีก่อนหน้านี้ที่กำลังการผลิตสำรองอยู่ที่ 5-6 ล้านบาร์เรลต่อวัน เช่นเดียวกับการเพิ่มกำลังการผลิตของประเทศนอกกลุ่มโอเปคที่น้อยและช้ากว่าที่คาด ทั้งหมดสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มของราคาน้ำมันที่ยังคงเพิ่มขึ้น ดังนั้น “กองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย ดับบลิวทีไอ ออยล์ ลิงค์” จึงนับเป็นนวัตกรรมการลงทุนที่สอดคล้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันที่สุด” กรรมการผู้จัดการ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) กล่าว

สำหรับ “กองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย ดับบลิวทีไอ ออยล์ ลิงค์” คาดพร้อมที่จะเปิดเสนอขายในวันที่ 24-30 กรกฎาคม 2551 นี้ และโปรโมชั่นพิเศษ รับฟรีบัตรน้ำมัน ปตท. มูลค่า 1,000 บาท ของทุกๆ ยอดจองซื้อ 1 ล้านบาท ผู้สนใจสามารถติดต่อขอรับข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 02-688-7777 หรือ www.ingfunds.co.th