บลจ.ไอเอ็นจี คลอดกองทุนเปิด “ไอเอ็นจี ไทย ไลฟ์ ไซเคิล” พร้อมกัน 3 กองทุนรวด ทั้ง “ไลฟ์ไซเคิล 2015, 2020 และ 2025” ยึดจุดหมายปลายทางในปีที่ผู้ลงทุนตั้งเป้าเกษียณเป็นหลัก พร้อมดีไซน์รูปแบบที่สอดคล้องกับแต่ละช่วงอายุ ชูจุดเด่นปรับสัดส่วนการลงทุนระหว่างตราสารทุนและตราสารหนี้แบบอัตโนมัติ หวังลดความเสี่ยงให้กับนักลงทุน เผยยิ่งเข้าใกล้วันหมดอายุกองทุน ยิ่งเพิ่มน้ำหนักตราสารหนี้ระยะสั้นจนถึงระดับ 100% เมื่อสิ้นอายุโครงการ มั่นใจช่วยสร้างความมั่นคงในวัยเกษียณ เสนอขาย IPO พร้อมกัน 19-26 มี.ค.นี้ จองขั้นต่ำเพียง 10,000 บาท
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวกองทุนใหม่ 3 กองทุนในซีรีย์ส “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ไลฟ์ไซเคิล” (ING Thai Lifecycle Fund) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการขออนุมัติจัดตั้งและจัดการจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยกองทุนถูกออกแบบการลงทุนให้เหมาะสมและสอดคล้องกับช่วงอายุของผู้ลงทุน ได้แก่ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ไลฟ์ไซเคิล 2015, กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ไลฟ์ไซเคิล 2020 และกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ไลฟ์ไซเคิล 2025 โดยใช้ปีที่ผู้ลงทุนต้องการเกษียณอายุเป็นตัวกำหนดเป้าหมายการลงทุน
นายมาริษ ท่าราบ กรรมการผู้จัดการ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) กล่าวว่า จุดเด่นของกองทุนอยู่ที่การออกแบบการจัดสรรพอร์ตลงทุนตามอายุของผู้ถือหน่วยลงทุน ซึ่งความเสี่ยงของกองทุนจะลดลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการวางแผนการเงินของตนเองเพื่อสร้างโอกาสการมีเงินใช้อย่างสบายในวัยเกษียณ
ทั้งนี้ แต่ละกองทุนจะมีเป้าหมายของปีที่คาดว่า จะเกษียณไว้ ซึ่งผู้ลงทุนสามารถเลือกได้ว่าจะเกษียณประมาณปีใด จาก 3 กอง ได้แก่ ปี 2015 ปี 2020 และปี 2025 โดยทั้ง 3 กองทุนนับเป็นนวัตกรรมใหม่สำหรับทางเลือกลงทุนก่อนวัยเกษียณ
สำหรับกองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย ไลฟ์ไซเคิล 2025 จะมีอายุโครงการ 16 ปี 8 เดือน แต่มีสภาพคล่องด้วยการเปิดให้ซื้อ-ขายได้ทุกวันทำการ เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีอายุ 40-45 ปี และคาดว่าอยากจะเกษียณอายุในวัยประมาณ 60 ปี คือ ในปี 2023-2028 ซึ่งนักลงทุนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ยังอยู่ในวัยทำงานที่แสวงหาทั้งความมั่นคงในหน้าที่การงาน และความ มั่งคั่งให้กับตนเอง การแสวงหาผลตอบแทนที่ดีพร้อมกับการยอมรับความเสี่ยงจึงยังมีได้มาก ดังนั้น สัดส่วนการลงทุนจะเน้นการลงทุนในตราสารทุนในช่วงปีแรกไม่เกินกว่า 55% แต่ในปีใกล้สิ้นอายุของกองทุน ตราสารในพอร์ตการลงทุนจะมีการเพิ่มสัดส่วนตราสารหนี้ระยะสั้นมากขึ้นจนกลายเป็นตราสารหนี้ระยะสั้นทั้งหมดในวันสิ้นอายุกองทุน เพื่อลดความเสี่ยงในตลอดช่วงอายุการลงทุน
ขณะที่กองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย ไลฟ์ไซเคิล 2020 จะมีอายุโครงการ 11 ปี 8 เดือน เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีอายุ 45-50 ปี โดยคาดว่าจะเกษียณที่อายุประมาณ 60 ปี ในปี 2018-2023 ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความสม่ำเสมอของรายได้และ รับความเสี่ยงได้น้อยลง ดังนั้น จึงให้น้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้มากขึ้น โดยจะลงทุนในตราสารทุนในช่วงปีแรกไม่เกินกว่า 45%
ส่วนกองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย ไลฟ์ไซเคิล 2015 อายุโครงการ 6 ปี 8 เดือน เป็นกองทุนที่เหมาะกับผู้ลงทุนที่มีอายุ 50-55 ปี ซึ่งคาดว่าจะเกษียณที่อายุประมาณในปี 2013-2023 ดังนั้น การจัดสรรการลงทุนจะเน้นความปลอดภัยมากกว่าผลตอบแทนที่สูง เพื่อเตรียมเงินทุนไว้รองรับการใช้จ่ายในยามเกษียณแล้ว โดยในช่วงปีแรกจะลงทุนในตราสารทุนไม่เกินกว่า 30% และจะกลายเป็นตราสารหนี้ระยะสั้นในที่สุด
“เราอยากให้ผู้ลงทุนเชื่อมั่นว่า เราได้ออกแบบการปรับเปลี่ยนพอร์ตตามความเสี่ยงที่สอดคล้องกับระยะเวลาการลงทุนไว้เป็นอย่างดีระหว่างหุ้น ตราสารหนี้และเงินสด ทำให้ผู้ลงทุนไม่ต้องกังวลเรื่องจังหวะของการลงทุนและการเลือกลงทุนในแต่ละสินทรัพย์ เพราะทางไอเอ็นจีจะทำการปรับสัดส่วนการลงทุนให้ผู้ลงทุนเองโดยผู้จัดการกองทุนมืออาชีพที่จะทยอยลดการลงทุนในตราสารทุนไปสู่ตราสารหนี้ระยะสั้นเมื่อกองทุนเข้าใกล้วันหมดอายุ ซึ่งเมื่อสิ้นสุดโครงการ สัดส่วนการลงทุนจะขยับเข้าสู่การลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นครบ 100% ” นายมาริษกล่าว
“กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ไลฟ์ไซเคิล” ทั้ง 3 กองทุน เสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) พร้อมกัน ระหว่างวันที่ 19-26 มีนาคม 2552 โดยกำหนดวงเงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด โทร.0-2688-7777 หรือ www.ingfunds.co.th รวมทั้งที่ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารซิตี้แบงก์ ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น (HSBC) และผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุนของ บลจ.ไอเอ็นจี