‘บิ๊กซี’ แจงงบไตรมาส 1 กำไร 727 ล้านบาท

: บิ๊กซีโชว์กำไรสุทธิไตรมาส 1 กำไร 272 ล้านบาท โดยมีจุดเด่น คือ

– ยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง 3.7%
– รายได้จากค่าเช่าเติบโตอย่างแข็งแกร่ง 16.4%
– อัตรากำไรจากการดำเนินงาน 6.6%

นายอีฟ แบร์กนาร์ เบรบ็อง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยประจำไตรมาส 1 ปี 2552 มีกำไรสุทธิจำนวน 727 ล้านบาท ถึงแม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงสภาวะการเมืองที่ผกผันภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม บิ๊กซียังคงมีผลประกอบการที่เป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากการขยายสาขาอย่างรวดเร็วจำนวน 12 สาขาในปี 2551 ทำให้บริษัทมีฐานลูกค้ากว้างขึ้นและมียอดขายเพิ่มขึ้น และแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการทำกำไรด้วยการทำธุรกิจแบบผสมระหว่างธุรกิจค้าปลีกและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยการให้เช่าพื้นที่ สามารถปรับตัวให้เข้ากับภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนได้เป็นอย่างดี

โดยในไตรมาส 1 ปี 2552 บิ๊กซีมียอดขาย 16,361 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปี 2551 จำนวน 590 ล้านบาทหรือ 3.7% รายได้ค่าเช่าและค่าบริการ 1,021 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปี 2551 จำนวน 144 ล้านบาทหรือ 16.4% และรายได้อื่น จำนวน 2,108 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปี 2551 จำนวน 297 ล้านบาท หรือ 16.4%

นายอีฟ กล่าวต่อไปว่า ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวนี้ บิ๊กซียังคงมุ่งเน้นกลยุทธ์ด้านราคา ซึ่งเป็นจุดแข็งของบิ๊กซีที่ผู้บริโภคให้การยอมรับ และรุกตลาดสินค้าเฮ้าส์แบรนด์มากขึ้น ซึ่งจะมีราคาถูกกว่าสินค้าทั่วไปประมาณ 10 – 15 % รวมทั้งการดำเนินกิจกรรมลอยัลตี้ต่อเนื่องจากปี 2551 ผ่านบัตรช้อปโทรฟรี และบัตรบิ๊กซีโบนัส ซึ่งที่ผ่านมาบิ๊กซีมียอดขายจากสมาชิกดังกล่าว เฉลี่ย 30% ของยอดขายรวมของแต่ละแคมเปญ

“สำหรับไตรมาส 2 คาดว่าจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐน่าจะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยโดยรวม โดยเฉพาะโครงการแจกเช็คช่วยชาติ ซึ่งบิ๊กซีได้รับผลตอบรับที่ดีมากในการออกแคมเปญ “บิ๊กซีจัดให้” ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อตอบสนองโครงการเช็คช่วยชาติของรัฐบาล ในภาวะเศรษฐกิจขณะนี้ ภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำด้านราคาของบิ๊กซีช่วยให้ผู้บริโภคยังมีความมั่นใจและตัดสินใจในการมาซื้อสินค้าที่บิ๊กซี ซึ่งบิ๊กซีก็จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ ให้ครอบคลุมความต้องการของกลุ่มลูกค้าซึ่งเป็นกลุ่มครอบครัว ตลอดจนการจับมือกับพันธมิตรต่างๆ เช่น เจมาร์ท เมเจอร์ เพื่อยกระดับบิ๊กซีให้เป็น One Stop Shopping ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าของบิ๊กซีมากยิ่งขึ้น” นายอีฟกล่าวทิ้งท้าย

บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) (ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ฯ: BIGC) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2536 เป็นผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ในรูปแบบซูเปอร์เซ็นเตอร์ ชื่อ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ซึ่งจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภคที่หลากหลายในราคาสมเหตุสมผล ภายใต้สโลแกน “เราให้คุณมากกว่าคำว่าถูก” เพื่อสร้างความพึงพอใจแก่ผู้บริโภค ปัจจุบันมีสาขาที่เปิดให้บริการจำนวน 67 สาขาครอบคลุมทั่วประเทศ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ สามารถเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัทฯ ได้ที่ www.bigc.co.th