เวลาเดินเข้าไปในร้านค้าหรือซูเปอร์มาร์เก็ต จะพบเห็นกล่องเครื่องดื่มวางเรียงรายบนชั้นต่างๆ มีรูปทรง ดีไซน์ สีสันตัวอักษรหลากหลายรูปแบบ ความแตกต่างของกล่องเครื่องดื่มนานาชนิดได้กลายเป็นจุดขาย และเป็นเครื่องมือการขายที่ทรงพลังเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง เพราะผู้บริโภคสามารถหยิบจับสัมผัส ทำความรู้จัก และเข้าใจคุณประโยชน์ของผลิตภัณฑ์และแบรนด์นั้นๆ
นางกลอยตา ณ ถลาง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทชั้นนำด้านกระบวนการผลิตและบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารและเครื่องดื่ม กล่าวว่า ในปี พ.ศ. 2551 ที่ผ่านมา เต็ดตรา แพ้ค ทั่วโลก ผลิตกล่องเครื่องดื่มกว่า 141,000 ล้านกล่อง ให้กับบริษัทชั้นนำด้านอาหารและเครื่องดื่มทั่วโลก โดยกว่า 70,600 ล้านลิตร เป็นเครื่องดื่มประเภทนม น้ำผลไม้ ผลไม้ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ สู่ผู้บริโภค โดยตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้น 3% จากปริมาณการบริโภคเครื่องดื่มต่างๆ จากกล่องเครื่องดื่มที่ผลิตโดย เต็ดตรา แพ้ค ในปี พ.ศ. 2550
“จากสถิติพบว่าผู้บริโภคจะใช้เวลาเฉลี่ย 15-20 นาที สำหรับการเลือกซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ตหรือร้านค้าขนาดกลาง ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ให้เลือกถึง 20,000-60,000 รายการ และในการจับจ่ายใช้สอยแต่ละครั้ง ผู้บริโภคจะใช้เวลาประมาณ 1.6 วินาทีในการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ยี่ห้อหนึ่ง หรืออาจจะหันไปสนใจยี่ห้อแทน หรือแม้แต่เปลี่ยนใจไปซื้ออย่างอื่นแทน นอกจากนี้ ในตะกร้าที่ผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้า โดยเฉลี่ยแล้วจะมีสินค้าอยู่ในตะกร้าประมาณ 57 ชิ้น นั่นหมายความว่ามีผลิตภัณฑ์มากกว่า 50,000 ชิ้นในร้านค้าหรือซูเปอร์มาร์เก็ตที่ถูกผู้บริโภคมองข้ามไป และกว่า 70-80% เป็นการตัดสินใจซื้อที่เกิดขึ้นภายในร้านค้าหรือซูเปอร์มาร์เก็ต”
นางกลอยตา กล่าวต่อว่า “แนวโน้มการออกแบบกล่องเครื่องดื่มจึงต้องพัฒนาให้ทำหน้าที่ได้มากกว่าการ “บรรจุ” ที่ต้องปกป้องคุณค่าอาหารและเครื่องดื่มที่อยู่ภายในแล้ว การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือ พฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย นอกจากนี้ยังมีการแบ่งกลุ่มผู้บริโภคแยกย่อยลงไปอีกทั้งเพศ อายุ ไลฟ์สไตล์ กำลังซื้อ เป็นต้น กล่องเครื่องดื่มจึงทำหน้าที่ทั้งแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของแบรนด์อย่างชัดเจน ให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์ และจูงใจให้ผู้บริโภคเลือกซื้อผลิตภัณฑ์นั้นๆ ดังนั้นองค์ประกอบทุกส่วนของกล่องเครื่องดื่มทั้งวัสดุที่ใช้ผลิต ดีไซน์ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ทั้งขนาด รูปทรง รูปภาพ ข้อความ สีสัน หรือแม้กระทั่งฝาเปิด-ปิด ล้วนเป็นสิ่งที่แบรนด์นั้นๆ สามารถใช้สื่อสารถึงผู้บริโภคได้ทั้งสิ้น เมื่อการดีไซน์สร้างความโดดเด่น และสื่อสารด้วยข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภค ใช้สีสันและการออกแบบที่สร้างความรู้สึกให้กับกลุ่มเป้าหมาย จะเป็นการสร้างแรงจูงใจให้กับกลุ่มเป้าหมาย หยิบผลิตภัณฑ์ไปพิจารณา รวมทั้งการอ่านข้อมูลที่ฉลากและตัดสินใจซื้อในที่สุด”
คุณลักษณะของ “กล่องเครื่องดื่ม” ที่มีผลต่อการเลือกซื้อเครื่องดื่มของผู้บริโภค
76% ง่ายต่อการหยิบจับและพกพา
75.5% ช่วยเก็บรักษาความสดของเครื่องดื่มที่บรรจุอยู่ภายใน
74.5% ช่วยปกป้องเครื่องดื่มที่บรรจุอยู่ภายใน
69.1% ให้ข้อมูลคุณค่าโภชนาการ
69.1% ป้องกันการปนเปื้อน
68.1% เปิดใช้ง่าย สะดวก
67% เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สามารถนำไปรีไซเคิลได้
64.9% ช่วยปกป้องให้เครื่องดื่มที่บรรจุอยู่ภายในปลอดภัย
62.8% เก็บรักษาง่าย
56.4% ดีไซน์ที่คุ้นตา ทำให้ง่ายต่อการตัดสินใจซื้อ
44.7% ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการผลิต
35.1% ดีไซน์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์
(ข้อมูล: การสำรวจผู้บริโภค ในแถบยุโรปและสหรัฐอเมริกา)
“ไซซ์ซิ่ง” ตอบทุกความต้องการบริโภค
กล่องเครื่องดื่มได้รับการออกแบบให้มีหลากหลายขนาด เพื่อให้เหมาะกับผู้บริโภคแต่ละเพศแต่ละวัย และกำลังซื้อที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น คนเมืองและครอบครัวขนาดใหญ่นิยมบริโภคผลิตภัณฑ์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เนื่องจากราคาคุ้มค่ามากกว่า ในขณะที่เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ อย่าง “นม” มีการปรับเปลี่ยนความสูงของกล่องเครื่องดื่ม เพิ่มหรือลดขนาดบรรจุ ปรับเปลี่ยนฝาเปิด-ปิด ติดหลอดดื่มหลากหลายประเภท เพื่อให้เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์และความต้องการของผู้บริโภค ทั้งขนาดมินิสำหรับเด็กเหมาะทั้งปริมาณบริโภค และกล่องเครื่องดื่ม สี่เหลี่ยมทรงสูง ขนาดใหญ่ 300 มิลลิลิตร เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายผู้ชายวัยทำงานที่ต้องการปริมาณการดื่มต่อครั้งที่มากกว่า หรือกล่องเครื่องดื่มรูปทรงแปดเหลี่ยมสูงเพรียว กระชับมือ พร้อมฝาปิดเพื่อเพิ่มความสะดวกในการบริโภค อีกทั้งในแง่การตลาดทั้งความโดดเด่นสะดุดตาเมื่อวางอยู่บนชั้นสินค้า และให้ภาพลักษณ์ของการเป็นผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมี่ยม
“ยกแพ้ค” สะดวก โดนใจยุคประหยัด
กล่องเครื่องดื่มที่วางจำหน่ายในรูปแบบ “แพ้ค” ทั้งขนาดแพ้คสามกล่อง, สี่กล่อง, หรือ หกกล่อง กำลังเป็นที่นิยมสำหรับผู้บริโภค โดยในบางประเทศเช่น ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น ได้กลายเป็นรูปแบบการขายมาตรฐาน และได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับกลุ่มครอบครัวที่มีปริมาณการบริโภคอย่างต่อเนื่อง การวางขายเป็นแพ้ค ทำให้ผู้บริโภคสะดวกในระหว่างจับจ่าย และลดความถี่ของการซื้อ เพราะมีระยะเวลาในการบริโภคนานขึ้น นอกจากนี้ยังประหยัด เพราะราคาต่อกล่องจะถูกลง ขณะเดียวกันในด้านผู้ค้าปลีก ยังช่วยลดต้นทุน และเพิ่มปริมาณการขาย เพราะง่ายต่อการวางสินค้าเพิ่มบนชั้นวาง และยังเป็นสื่อชนิดหนึ่งที่ผู้ผลิตสามารถใช้สื่อสารข้อความต่างๆ รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการขายได้ด้วย
“กรีน” คอนเซปต์มาแรง
ประเด็นโลกร้อนเป็นเรื่องสำคัญ และทำให้ผู้บริโภคหันมาให้ความใส่ใจกับการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศในแถบสหภาพยุโรป ที่ได้ให้ความสำคัญกับกระบวนการผลิตอาหารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ครอบคลุมทั้งในส่วนของผู้ผลิต ทั้งการส่งเสริมการผลิตและบริโภคอย่างยั่งยืน โดยในขณะนี้ทั้งในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป เอเชีย รวมถึงประเทศไทย ได้ริเริ่มให้มีการติดฉลากคาร์บอน (Carbon Label) ควบคู่กับฉลากคุณค่าทางโภชนาการ (Nutrition Facts) บนกล่องเครื่องดื่ม เพื่อเป็นข้อมูลให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำจากกระบวนการผลิต
เกี่ยวกับ “เต็ดตรา แพ้ค”
เต็ดตรา แพ้ค เป็นบริษัทผู้นำของโลกในเรื่องกระบวนการผลิตและบรรจุอาหาร เราทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้ขายสินค้าและลูกค้าในเรื่องของการผลิตและการบรรจุที่เป็นที่ต้องการ เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่อำนวยความสะดวก เป็นนวัตกรรมที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้กับผู้คนนับล้านทั่วโลก เต็ดตรา แพ้ค เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในตลาดมากกว่า 150 ประเทศและมีพนักงานมากกว่า 20,000 คน เต็ดตรา แพ้ค เชื่อมั่นในความเป็นผู้นำอุตสาหกรรมที่มีความรับผิดชอบ การเจริญเติบโตอย่างมีผลกำไรที่สอดคล้องกับการเป็นองค์กรที่ดีและการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน คำขวัญของเต็ดตรา แพ้ค ที่ว่า “ปกป้อง ทุกคุณค่า?” (PROTECTS WHAT’S GOOD?) นั้นสะท้อนให้เห็นถึงปรัชญาในการดำเนินธุรกิจของเราที่จะทำให้อาหารปลอดภัยและมีอยู่พร้อมบริโภคในทุกๆ ที่ทั่วโลก สามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “เต็ดตรา แพ้ค” ได้ที่ www.tetrapak.com