รายได้ครึ่งปีแรกของแอคคอร์ทั่วโลกลดลง 8.1% เมื่อเทียบปีต่อปี

ธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยซบเซาต่อเนื่องด้วยอัตราการจองที่ต่ำลง 16.1% เมื่อเทียบปีต่อปี
29 กรกฎาคม 2552: แอคคอร์แถลงผลประกอบการในช่วงครึ่งแรกของปี 2552 อยู่ที่ 3,410 ล้านยูโร ลดลง 8.1% เมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปี 2551 ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำอย่างต่อเนื่อง

? รายได้จากธุรกิจบริการชำระเงินล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 5.7% เมื่อเทียบกันปีต่อปี
? รายได้จากธุรกิจโรงแรมยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องกว่า 11.4% เมื่อเทียบปีต่อปี

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากข่าวประชาสัมพันธ์ที่แนบมานี้สำหรับครึ่งแรกของปี

ธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยของแอคคอร์ยังคงซบเซาและได้รับผลกระทบจากการลดลงของนักท่องเที่ยวขาเข้า – เนื่องจากเศรษฐกิจโลกชลอตัวซึ่งมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยว รวมถึงการชุมนุมประท้วงที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวในช่วงต้นปีที่ผ่านมา

อัตราการจองห้องพักที่โรงแรมในประเทศไทยของแอคคอร์ลดลง 16.1% เมื่อเทียบปีต่อปีในช่วงครึ่งปี 2552

นายออสวาล์ พิชเลอร์ – รองประธานบริหารฝ่ายปฏิบัติการประจำประเทศไทย กัมพูชาและลาว ให้ความเห็นในเรื่องผลประกอบการครึ่งปีแรกว่า “ธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยได้รับผลกระทบสืบเนื่องมาจากการชุมนุมประท้วงและการท่องเที่ยวทั่วโลกที่ลดลง ในขณะที่ปัญหาภายในประเทศไทยเริ่มคลี่คลายแล้ว การฟื้นฟูให้กลับสู่ภาวะปรกติเหมือนในปี 2551 ยังต้องใช้เวลา แอคคอร์ร่วมมือกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเพื่อจัดกิจกรรมการขายหลากหลาย ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ให้เครือข่ายโรงแรมของเรา แม้ว่าตลาดท่องเที่ยวจากภูมิภาคอื่นจะยังคงนิ่งอยู่ก็ตาม”

ปัจจุบันนี้แอคคอร์มีโรงแรม 41 แห่งในประเทศไทย และถือเป็นบริษัทบริหารโรงแรมระดับโลกที่มีเครือข่ายมากที่สุดในประเทศไทย ที่ครอบคลุมทุกความต้องการตั้งแต่โรงแรมชั้นประหยัดอย่างออลซีซั่นส์ และไอบิส ไปจนถึงโรงแรมหรูหรา เช่น โซฟิเทล นอกจากนี้แอคคอร์ยังมีโครงการพัฒนาโรงแรมเพิ่มเติมอีก 9 แห่งในประเทศไทย ซึ่งยังคงเดินหน้าต่อไปอีกด้วย

นายออสวาล์ พิชเลอร์กล่าวเพิ่มถึงแอคคอร์ในประเทศไทยว่า “แอคคอร์ยังคงจุดยืนที่มั่นคงในประเทศไทยนับตั้งแต่การเปิดสำนักงานประจำภูมิภาคที่กรุงเทพฯ เมื่อปี 2531 ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราได้ผ่านทั้งช่วงขาขึ้นและขาลงของการท่องเที่ยวมาแล้ว เรายังคงเชื่อมั่นว่านักท่องเที่ยวจะกลับมาเดินทางอีกครั้ง ความสัมพันธ์ของแอคคอร์และตัวแทนธุรกิจท่องเที่ยวสำคัญในประเทศไทยที่เราได้สร้างมาตลอดนั้นเป็นเสมือนเกราะป้องกันไม่ให้เจ้าของโรงแรมในเครือแอคคอร์โดนผลกระทบเต็มที่จากการลดลงถึง 22% ของนักท่องเที่ยวขาเข้า”

นายพิชเลอร์ยังกล่าวเสริมอีกว่า “นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาประเทศไทยในช่วงนี้จะได้รับสิทธิประโยชน์มากมายทั่วประเทศ รวมถึงตั๋วเครื่องบินโดยสารมาประเทศไทยราคาโปรโมชั่น ปัจจัยเหล่านี้ช่วยกระตุ้นการเดินทางสู่แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจในประเทศไทย หากมีการสนับสนุนจากภาครัฐ และหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวร่วมกับภาคธุรกิจจะช่วยกระตุ้นระยะเวลาท่องเที่ยวให้นานขึ้น (จากตลาดภูมิภาคอื่น) ในระหว่างนี้เราจึงอยากให้ทุกฝ่ายพร้อมใจกันทำให้ประเทศไทยกลับมาเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวอีกครั้ง”

ข้อมูลเพิ่มเติม – มีการรายงานยอดนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังประเทศไทยลดลง 22% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันในช่วงปี 2551 ตามรายงานล่าสุดใน Travel Daily Asia ณ วันที่ 24 กรกฎาคม 2552

แอคคอร์ คือผู้นำด้านธุรกิจโรงแรมทั้งในยุโรปและของโลก อีกทั้งยังเชี่ยวชาญในระดับโลกอีกเช่นกันในธุรกิจการให้บริการกับลูกค้าองค์กรธุรกิจและสถาบันของรัฐ ซึ่งมีการดำเนินงานครอบคลุมในเกือบ 100 ประเทศทั่วโลก มีพนักงานในเครือรวมกันกว่า 150,000 คน แอคคอร์ให้บริการกับลูกอย่างมืออาชีพด้วยประสบการณ์กว่า 40 ปีในธุรกิจหลักสองประเภท ได้แก่

– ธุรกิจโรงแรม ภายใต้ชื่อ โซฟิเทล, พูลแมน, เอ็มแกลเลอรี่, โนโวเทล, เมอร์เคียว, สวีทโฮเทล, อีบิส, ออลซีซั่นส์, เอตัปโฮเท็ล, ฟอร์มูล 1 และโมเทล 6 มีโรงแรมกว่า 4,000 แห่ง ห้องพักเกือบ 500,000 ห้อง ใน 90ประเทศ รวมทั้งธุรกิจทางด้านอาหาร เช่น เลอโนท อีกด้วย

– ธุรกิจบริการ แอคคอร์เซอร์วิสให้บริการแก่ลูกค้ามาแล้วมากกว่า 30 ล้านคนใน 40 ประเทศทั่วโลก ทั้งด้านทรัพยากรมนุษย์ การบริการด้านการตลาดและบริหารจัดการค่าใช้จ่าย