เอสซี ฯ โชว์ผลประกอบการ Q2/52 รายได้ 1,019 ล้าน ยอดขาย กำไรทะลุเป้า

เอสซี แอสเสทฯ โตต่อเนื่อง โชว์ผลประกอบการไตรมาส 2 / 2552 รายได้ทะลุเป้า มียอดขาย 1,066 ล้านบาท รายได้รวม 1,019 ล้านบาท กำไรสุทธิ 189 ล้านบาท ครึ่งปีแรกรับรู้รายได้รวม 1.713 ล้านบาท เผยกลยุทธ์ครึ่งปีหลัง 2552 เดินหน้าเปิด 6 โครงการใหม่ ชูจุดขายบ้านซีรี่ส์ใหม่เพิ่มฟังก์ชั่นพิเศษและความคุ้มค่า ครอบคลุมทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม โฮมออฟฟิศ และคอนโดมิเนียม มูลค่าโครงการรวมกว่า 4,000 ล้านบาท มั่นใจรายได้ปีนี้เป็นไปตามแผนที่วางไว้

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในช่วงไตรมาส 2 /2552 สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้โดยมียอดขายจำนวนทั้งสิ้น 1,066 ล้านบาท มีรายได้รวม 1,019 ล้านบาท สูงขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปี 2551 ร้อยละ 6 โดยเป็นรายได้จากการดำเนินงาน 1,014 ล้านบาท และ มีผลกำไรสุทธิ 189 ล้านบาท สูงขึ้นร้อยละ 46 ทั้งนี้โครงสร้างรายได้ทั้งหมดมาจาก 2 ส่วนธุรกิจหลัก ประกอบด้วย ส่วนที่ 1 โครงการพัฒนาที่พักอาศัย (Residential) จำนวน 806 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 79 % ของรายได้จากการดำเนินงาน และ ส่วนที่ 2 ธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่า (Office Building) จำนวน 208ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 21% ของรายได้จากการดำเนินงาน

สำหรับผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรก บริษัทฯมียอดขายรวม 1,694 ล้านบาท รายได้รวม 1,713 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากการดำเนินงาน 1,706 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิ 282 ล้านบาท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2552 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวม และ มีหนี้สินรวม เท่ากับ 9,807 ล้านบาท และ 4,116 ล้านบาทตามลำดับ มูลค่าหุ้นตามบัญชีเท่ากับ 17.73 บาทต่อหุ้น โดยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มีการเปิดขายโครงการใหม่จำนวน 2 โครงการในไตรมาสที่ 2 ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก

ทั้งนี้แผนพัฒนาโครงการใหม่ บริษัทยังคงเน้นการพัฒนาไปที่โครงการแนวราบเป็นหลัก โดยมีแผนงานที่จะเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลัง จำนวน 6 โครงการ มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งได้สร้างสรรค์และพัฒนาแบบบ้านตามแนวคิด 5 จุดขายสำคัญให้มีความพิเศษจากซีรี่ส์ในปีที่ผ่านมา เพื่อเป็นต้นแบบ New Series 2009 ทั้งบ้านเดี่ยวและ ทาวน์โฮม อันโดดเด่นและคุ้มค่าด้วยการเพิ่มเติมฟังก์ชั่นและพื้นที่ใช้สอยเพื่ออรรถประโยชน์ที่มากขึ้นกว่าเดิม ได้แก่ โครงการบางกอก บูเลอวาร์ด สาทร-ปิ่นเกล้า บนพื้นที่กว่า 65 ไร่ จำนวน 217 ยูนิต ขนาด 52.5 – 155 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 220 – 302 ตารางเมตร มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 6.99-15 ล้านบาท นับเป็นโครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ซีรี่ส์ใหม่ล่าสุดของบริษัทในขณะนี้ มีแบบบ้านให้เลือกจำนวน 3 แบบ โดยบ้านแบบรุ่น New Golden Thames จะโดดเด่นด้วยพื้นที่ใช้สอย กว่า 300 ตารางเมตร ที่แยกสัดส่วนชัดเจน และมีความโล่งโปร่งสบาย กับความพิเศษด้วยห้องนอนและห้องน้ำในตัวทุกห้อง และเพิ่มห้องนอนชั้นล่างเพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับผู้สูงอายุอีกด้วย ในส่วนโครงการต้นแบบบ้านเดี่ยว 3 ชั้น ได้แก่ โครงการบางกอก บูเลอวาร์ด เกษตร-นวมินทร์ มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการ และโครงการทาวน์โฮมใหม่ล่าสุด ได้แก่ โครงการวิสต้า ปาร์ค รัชดา-รามอินทรา โครงการทาวน์โฮมหรู 3 ชั้น บนพื้นที่กว่า 13 ไร่ จำนวน 108 ยูนิต ขนาด 3 ห้องนอน 2 ห้องพักผ่อน ราคาเริ่มต้น 3.99 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 450 ล้านบาท กับอีก 3 โครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ ได้แก่ โครงการไลฟ์ บางกอก บูเลอวาร์ด รัชวิภา มูลค่าโครงการ 450 ล้านบาท โครงการเอสซี ออฟฟิศ เพลส รัชดา-รามอินทรา มูลค่าโครงการ 150 ล้านบาท และ โครงการคอนโดมิเนียม บริเวณพหลโยธิน 11 มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท สำหรับโครงการพัฒนาต่อเนื่อง ได้แก่ โครงการบางกอก บูเลอวาร์ด ราชพฤกษ์-พระราม 5 ได้ปรับกลยุทธ์เพื่อพัฒนาสินค้าให้ครอบคลุมตลาดในโซนสาทร-ปิ่นเกล้า และ ราชพฤกษ์- พระราม 5 ด้วยการเปิดเฟสใหม่เป็นคฤหาสน์หรู 2 ชั้น พร้อมเรือนรับรองและสระว่ายน้ำส่วนตัว เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ ในราคาเริ่มต้นที่ 17 ล้านบาท จำนวนเพียง 20 ยูนิต

สรุปภาพรวมในปี 2552 บริษัทฯ มีโครงการใหม่รวมทั้งหมด 8 โครงการ มูลค่ารวม 4,700 ล้านบาท โดยนับรวมโครงการที่เปิดตัวไปแล้วในช่วงในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการบ้านเดี่ยวระดับหรู 3 ชั้น “โครงการแกรนด์บางกอก บูเลอวาร์ด รัชดา-รามอินทรา” จำนวนเพียง 39 ยูนิต ระดับราคา 15-20 ล้านบาท ริมถนนตัดใหม่รัชดา-รามอินทรา บนเนื้อที่กว่า 16 ไร่ มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท ซึ่งมียอดขายแล้วกว่า 50% และ โครงการออฟฟิศ เพลส ประชาชื่น ที่ได้ปิดการขายแล้ว มูลค่าโครงการ 60 ล้านบาท

สำหรับแนวโน้มของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลังนี้คาดว่าสถานการณ์ยังคงทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา และพบว่ายอดขายส่วนใหญ่จะเป็นของบริษัทผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีความน่าเชื่อถือโดยเฉพาะบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เนื่องจากมีความน่าเชื่อถือและมีความแข็งแกร่งทั้งในส่วนของแบรนด์และความมั่นคงทางการเงิน ตลอดจนคุณภาพสินค้าที่สามารถตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้ดี โดยเฉพาะในช่วงที่ผ่านมาพบว่าสัดส่วนของผู้ประกอบการรายเล็กที่จะเข้ามาพัฒนาโครงการน้อยลง ซึ่งการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว และ ทาวน์โฮม ยังมีแนวโน้มไปได้ดี ส่วนที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียม ที่แม้ว่าภาพรวมของยอดขายโครงการใหม่จะชะลอตัวลงจากปี 2551 ที่ผ่านมา แต่พบว่าบางโครงการยังคงสามารถสร้างยอดขายได้ โดยเฉพาะในทำเลที่ใกล้แหล่งชุมชน และการเดินทางที่สะดวก และที่ผ่านมาผู้ประกอบการต่างนำเสนอแคมเปญในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ ส่งผลให้มีการแข่งขันสูงตามไปด้วย ทั้งนี้ในช่วงครึ่งปีแรก เอสซี แอสเสท ฯ ถือว่า ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย โดยมีอัตราเกณฑ์การเติบโตสูงขี้นเป็นที่น่าพอใจเมื่อเทียบกับภาพรวมการเติบโตของอุตสาหกรรมตลาดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ทั้งนี้มาจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเรื่องความมั่นคงของบริษัทฯ แบรนด์ที่แข็งแกร่งและคุณภาพสินค้าที่ได้รับการยอมรับจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดี

บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถทำยอดขายและรายได้ทั้งปีได้ตามเป้าหมาย โดยพัฒนาโครงการให้สามารถสนองความต้องการและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคแต่ละกลุ่มให้มากที่สุด และมุ่งเน้นการหากลยุทธ์และแคมเปญการส่งเสริมการตลาดและการขายใหม่ๆ เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจของผู้บริโภคที่เป็น Real Demand ซึ่งยังคงมีอยู่จำนวนมาก และจัดทำแผนลักษณะไดนามิค เพื่อให้สอดรับกับการปรับเปลี่ยนของสภาพเศรษฐกิจโดยรวมและภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เปลี่ยนไป” นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าว

ในปีนี้บริษัทฯ มีงบประมาณในการซื้อที่ดินเพื่อใช้พัฒนาในปี 2553-2554 จำนวน 1,000 ล้านบาท โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ซื้อที่ดินใหม่รวม 4 แปลง มูลค่าประมาณ 650 ล้านบาท ได้แก่ พิบูลย์สงคราม รัชวิภา และอีก 2 แปลงที่รามอินทรา ปัจจุบันมีที่ดินสะสม (Land Bank) สำหรับการพัฒนาโครงการในอนาคต ประมาณ 200 ไร่ มูลค่ารวมกว่า 1,500 ล้านบาท ซึ่งแนวทางการพัฒนาจะเน้นทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมในทำเลที่ดี ติดริมถนนเส้นหลัก การคมนาคมสะดวกสบาย อยู่ใกล้แหล่งชุมชน พร้อมสรรพด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ ห้างสรรพสินค้า สถานศึกษา และ โรงพยาบาล เป็นต้น