เทสโก้ โลตัสเดินหน้าส่งผลไม้ไทยสู่ตลาดโลก เปิดโครงการใหม่ส่งลำไยไทยไปจีน

เทสโก้ โลตัสเดินหน้าสานต่อนโยบายสนับสนุนสินค้าเกษตรไทยอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเตรียมเพิ่มการส่งออกลำไยไทยไปจำหน่ายยังเทสโก้ ประเทศจีน จำนวน 200 ตัน รวมมูลค่า 7 ล้านบาท นับเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายส่งเสริมผลผลิตเกษตรของไทยมูลค่ากว่า 1.6 พันล้านบาท (30.7 ล้านปอนด์) เพื่อจำหน่ายสู่เครือข่ายระหว่างประเทศของกลุ่มเทสโก้ในปี 2552

ดร.ดามพ์ สุคนธทรัพย์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส เทสโก้ โลตัส กล่าวว่า สิ่งที่เราดำเนินการนั้นตอกย้ำถึงความตั้งใจของเราในการช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศ โดยมุ่งเน้นให้กลุ่มเกษตรกรเป็นผู้รับประโยชน์โดยตรง ซึ่งบริษัทฯ มั่นใจว่าส่วนหนึ่งของเกษตรกรจำนวน 14.8 ล้านคนที่เป็นเสาหลักของเศรษฐกิจไทยจะได้รับประโยชน์จากความพยายามนี้

เทสโก้ โลตัสเป็นหนึ่งในผู้รับซื้อผลผลิตผักและผลไม้ไทยรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว ยกตัวอย่างเช่นในปี 2552 เราตั้งเป้าหมายซื้อผักผลไม้ฤดูกาลและพืชผักที่ออกผลผลิตตลอดทั้งปีจากเกษตรกรไทยมากกว่า 225,800 ตัน เป็นมูลค่ากว่า 5.57 พันล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 30 เปอร์เซ็นต์จากปีที่แล้ว โดยเดิมทีบริษัทฯ มีจะรับซื้อลำไยเพิ่มขึ้นจาก 500 ตันในปี 2551 เป็น 1,200 ตัน ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 140 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตามเทสโก้ โลตัสได้ทบทวนแผนการรับซื้อลำไยในปีนี้เพิ่มขึ้นอีก 400 ตัน รวมเป็น 1,600 ตัน รวมมูลค่า 97 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังตั้งเป้าเพิ่มการรับซื้อลองกองโดยเฉพาะอย่างยิ่งผลผลิตที่มาจากพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศ โดยจะลงนามบันทึกข้อตกลงรับซื้อลองกองอย่างน้อย 1,000 ตันจาก 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในปี 2552

ขณะเดียวกันเทสโก้ โลตัสทำงานใกล้ชิดกับกระทรวงพาณิชย์ในการส่งออกลำไยไปยังประเทศจีนเพิ่มขึ้นอีก 200 ตัน โดยลำไยล๊อตแรกจะไปถึงประเทศจีนในวันที่ 28 สิงหาคม 2552 และที่เหลือจะถูกจัดส่งไปในแต่ละสัปดาห์ ทั้งนี้ เทสโก้ โลตัสทำงานอย่างหนักเพื่อเพิ่มปริมาณส่งออกผลผลิตผักผลไม้เหล่านี้ ซึ่งนอกเหนือจากที่เราส่งผลไม้ไทยไปจำหน่ายยังสหราชอาณาจักรและตลาดยุโรปก่อนหน้านี้ เราได้เล็งเห็นว่าตลาดเอเชีย เช่นประเทศจีน ซึ่งเทสโก้มีเครือข่ายอยู่นั้นเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีกำลังบริโภคมหาศาล มีความคุ้นเคยกับสินค้าเกษตรไทยเป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีระยะทางใกล้สะดวกต่อการขนส่ง บริษัทฯ จึงพยายามผลักดันการส่งออกสินค้าไปจำหน่ายยังเครือข่ายเทสโก้ 40 สาขา ในเซี่ยงไฮ้ และปักกิ่ง ซึ่งหากสินค้าได้รับผลตอบรับที่ดีแล้ว บริษัทฯจะเพิ่มปริมาณการรับซื้อสินค้าเพื่อส่งออกจำหน่ายในจีนและเครือข่ายเทสโก้อื่นๆ อย่างแน่นอน

นอกเหนือจากการผลักดันด้านการส่งออกแล้ว เทสโก้ โลตัสและกระทรวงพาณิชย์ยังร่วมกันพัฒนามาตรฐานแบบแผนปฏิบัติด้านการเกษตร (Good Agricultural Practice หรือ GAP) ของไทยให้เทียบเท่ากับมาตรฐานระดับสากล หรือ Global GAP โดยขณะนี้มีบริษัทส่งออกสินค้าเกษตรเพียง 15 แห่งที่อยู่ภายใต้หอการค้าไทยเท่านั้นที่ใช้มาตรฐาน Thai GAP ซึ่งการที่จะบังคับใช้มาตรฐาน GAP อย่างทั่วถึงนั้น จำเป็นที่รัฐบาลต้องเข้ามาควบคุมดูแลเรื่องการรับรองและขั้นตอนตรวจสอบมาตรฐาน และที่สำคัญเทสโก้ โลตัสยังมีแผนการทำงานร่วมกับคู่ค้ากลุ่มเกษตรกร เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าที่ได้คุณภาพจะถูกจัดส่งมาจำหน่ายให้ลูกค้าอย่างรวดเร็วในราคายุติธรรม ขณะเดียวกันเกษตรกรเองก็สามารถจำหน่ายผลผลิตได้จำนวนมากขึ้นในราคาที่สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการยกระดับมาตรฐานการครองชีพของเกษตรกรนั่นเอง

ก่อนหน้านี้ ในเดือนมีนาคม 2552 เซอร์เทอร์รี่ ลีฮี ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มเทสโก้ ได้ประกาศเจตนารมย์ของกลุ่มบริษัทเทสโก้ในการช่วยเพิ่มการส่งออกผลผลิตทางการเกษตรของไทย หลังการพบปะสนทนากับ ฯพณฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งเทสโก้ โลตัสได้ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกันระหว่างกรมการค้าภายในและกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์เพื่อร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับภาครัฐเพิ่มปริมาณการรับซื้อผักผลไม้ฤดูกาล พร้อมส่งเสริมการจำหน่ายผลผลิต และโปรโมทสินค้า Thailand Brand ทั้งในและนอกประเทศ และในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เทสโก้ โลตัส ได้ส่งผลไม้ไทย 7 ชนิด จำนวน 50 ตัน มูลค่า 30 ล้านบาทไปจำหน่าย ณ เทสโก้ 70 สาขาทั่วสหราชอาณาจักรภายใต้ชื่องาน “Healthy and Tasty from Thailand”