บลจ.ไอเอ็นจี แนะนักลงทุนสะสมกองทุนเกรทเทอร์ ไชน่า ฉวยจังหวะหุ้นเอเชียปรับฐาน

บลจ.ไอเอ็นจี แนะผู้ลงทุนฉวยจังหวะหุ้นเอเชียอยู่ในช่วงปรับฐาน เข้าสะสมหุ้นพื้นฐานดีผ่าน “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย เกรทเทอร์ ไชน่า” เชื่อเศรษฐกิจเอเชียฟื้นตัว ขณะที่กลุ่มเกรทเทอร์ ไชน่า ได้แก่ จีน ฮ่องกง ไต้หวัน มีโอกาสและศักยภาพในการเติบโตระยะยาว นับจากต้นปีทั้งสามตลาดสร้างผลตอบแทนได้กว่า 40% โชว์ผลงานกองทุนต้นทางช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้น่าพอใจ สร้างผลตอบแทนกว่า 40% พร้อมโปรโมชั่นซื้อผ่านแบงก์ทหารไทย รับฟรีบัตรกำนัลจากห้างเซ็นทรัลหรือเทสโก้ โลตัส หมดเขต 15 ต.ค.นี้เท่านั้น

นายต่อ อินทวิวัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจกองทุนรวมและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากการติดตามความเคลื่อนไหวของกองทุนหุ้นในช่วงที่ผ่านมา พบว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเม็ดเงินไหลเข้าลงทุนในกองทุนหุ้นทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกองทุนหุ้นของตลาดเกิดใหม่ที่มีเงินทุนไหลเข้าสูงสุดในรอบ 39 สัปดาห์จากการเปิดเผยข้อมูลของบริษัท อีพีเอฟอาร์ โกลบัล ซึ่งเป็นบริษัทที่ติดตามการเคลื่อนไหวของกองทุนทั่วโลก ส่งผลให้ปลายสัปดาห์ก่อน ดัชนี MSCI หุ้นทั่วโลกได้พุ่งแตะระดับสูงสุดใหม่ในรอบ 11 เดือน และตลาดหุ้นเกิดใหม่แตะระดับสูงสุดใหม่ในรอบ 1 ปีจากความเชื่อมั่นที่ว่าเศรษฐกิจโลกกำลังจะฟื้นตัวขึ้น

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า ตลาดหุ้นต่างประเทศที่น่าสนใจก็ยังคงหนีไม่พ้นหุ้นเอเชีย จากการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเอเชียจะฟื้นตัวได้เร็วกว่าและดีกว่าเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกาและยุโรป โดยพิจารณาจากดัชนี MSCI Asia (Ex-Japan) ที่สามารถสร้างผลตอบแทนนับจากต้นปีจนถึงวันที่ 31 ส.ค. ได้ที่ 45.64% ซึ่งเมื่อโฟกัสลงไปในหุ้นเอเชีย ตลาดหุ้นที่น่าสนใจก็ยังคงเป็นกลุ่มเกรทเทอร์ ไชน่า ซึ่งประกอบด้วย หุ้นจีน ฮ่องกง และไต้หวัน โดยเฉพาะเมื่อมองในภาพรวมเป็น “จีนเดียว” ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการลงทุนได้เป็นอย่างดี เพราะประเทศเอเชียอื่นก็ยังไม่มีสัญญาณที่ดีเท่ากับ 3 ประเทศนี้

“ขณะนี้หุ้นในกลุ่มเกรทเทอร์ ไชน่า อยู่ในช่วงปรับฐาน ไม่ว่าจะเป็นดัชนีคอมโพสิตของตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 2886.67 จุดจากที่เคยขึ้นไปแตะที่ระดับ 3471.44 จุดเมื่อวันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา จึงมีโอกาสที่ดัชนีจะปรับเพิ่มขึ้น เพราะตลาดอื่นๆ ได้ทำนิวไฮในปีนี้ไปเกือบทุกตลาดแล้ว หรือแม้แต่การลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกงและตลาดหุ้นไต้หวันเราก็มองว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการเข้าลงทุนในช่วงที่ตลาดปรับฐาน เพราะหากมองไปในอนาคตจะพบว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงมั่นใจในศักยภาพการเติบโตของจีน (รวมถึงฮ่องกงและไต้หวัน) ซึ่งหากพิจารณาผลตอบแทนใน 8 เดือนแรกของปีนี้ ดัชนี MSCI China สร้างผลตอบแทนได้ 39.18% ในขณะที่ MSCI Taiwan อยู่ที่ 43.80% และ MSCI Hongkong อยู่ที่ 39.86% ซึ่งถือว่าเป็นตลาดที่น่าสนใจไม่น้อย” ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจกองทุนรวมและที่ปรึกษาการลงทุน บลจ. ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) กล่าว

ดังนั้น บลจ.ไอเอ็นจี จึงเชื่อว่า ช่วงนี้เป็นโอกาสและจังหวะที่ดีในการเข้าลงทุนในกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย เกรทเทอร์ ไชน่า (ING Thai Greater China Fund) ซึ่งกองทุนดังกล่าวจะนำเงินที่ได้ไปลงทุนในกองทุนเปิดไอเอ็นจี (แอล) อินเวสท์ เกรทเทอร์ ไชน่า เพียงกองทุนเดียวที่เน้นการลงทุนในหุ้นคุณภาพของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศจีน ไต้หวัน และฮ่องกง และยังช่วยในเรื่องการกระจายตัวของตลาดและเพิ่มศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ กองทุนไอเอ็นจี (แอล) อินเวสท์ เกรทเทอร์ ไชน่า ซึ่งเป็นกองทุนต้นทาง มีผลการดำเนินงานที่ดีจากต้นปีจนถึงวันที่ 31 ส.ค. 2552 โดยให้ผลตอบแทน 40.85% และผลตอบแทน 3 เดือนย้อนหลังอยู่ที่ 1.85% และ 6 เดือนอยู่ที่ 57.12% จะเห็นว่าผลการดำเนินงานของกองทุนแม่อยู่ในระดับที่น่าพอใจ ซึ่งถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนไทยที่สนใจจะไปลงทุนในต่างประเทศ

สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย เกรทเทอร์ ไชน่า ในขณะนี้ทางธนาคารทหารไทยได้มีการจัดโปรโมชั่นสำหรับลูกค้าที่ลงทุนผ่านธนาคารตั้งแต่วันนี้ – 15 ต.ค.2552 โดยยอดลงทุนทุกๆ 200,000 บาท จะได้รับบัตรกำนัล Central Gift Voucher มูลค่า 500 บาท เฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และบัตรกำนัล TESCO LOTUS มูลค่า 500 บาท สำหรับลูกค้าในเขตธุรกิจสาขาภูมิภาค ทั้งนี้ ผู้ลงทุนจะต้องถือครองหน่วยลงทุนในแต่ละยอดลงทุนไม่น้อยกว่า 3 เดือนนับจากวันที่ลงทุนและไม่สามารถสะสมยอดลงทุนได้ ซึ่งโปรโมชั่นนี้ จะรวมถึงการลงทุนในกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ฟันด์ (ING Thai Equity Fund) ด้วย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารทหารไทย ทุกสาขาทั่วประเทศ