ธุรกิจรับสร้างบ้านปี 52 โตเกินเป้า แตะ 11,000 ล้านบาท

ธุรกิจรับสร้างบ้านปี 2552 ยังโตต่อเนื่องหลังมูลค่าตลาดรวมเกินเป้าที่ 11,000 ล้านบาท ปี 2553 ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 12,000 ล้านบาท หลังภาวะเศรษฐกิจเริ่มมีการปรับตัวดีขึ้น เผยมูลค่าบ้านยอดนิยมปรับตัวสูงขึ้นจาก 1-2 ล้านบาท เป็นระดับราคา 2-3 ล้านบาท ขณะที่ผลสำรวจพบปีหน้ากลุ่มเป้าหมายเกือบ 50% มีแผนที่จะปลูกสร้างบ้าน

นายพันธุ์เทพ ทานชิติกุล นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า มูลค่าตลาดรวมของธุรกิจรับสร้างบ้าน ปี 2552 คาดว่าจะเติบโตจากปี 2551 ราว 12 % จาก 9,800 ล้านบาท เป็น 11,000 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย ที่วางไว้ที่ 10,500 ล้านบาทหรือประมาณ 5 % โดยในช่วงต้นปีถือว่าธุรกิจรับสร้างบ้านเองได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและการเมืองพอสมควร ทำให้ในช่วงครึ่งปีแรกภาพรวมของตลาดเองอยู่ในภาวะที่ไม่ดีนัก หลายบริษัทเกิดภาวะการชะลอตัวของยอดขาย แต่ในช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นมา ตลาดรับสร้างบ้านก็กลับ ฟื้นตัวขึ้น และยิ่งเมื่อสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน มีการจัดงานรับสร้างบ้าน 2009 ก็สามารถช่วยกระตุ้นยอดขายได้เพิ่มขึ้น โดยตัวเลขยอดขายภายในงานรับสร้างบ้านในปี 2552 ถือว่าสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ด้วยยอดขายรวม 2,400 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ตลาดรับสร้างบ้านในปี 2552 มีมูลค่าเพิ่มมากกว่าที่สมาคมฯ ประเมินไว้

สำหรับในปี 2553 คาดว่าตลาดรับสร้างบ้านน่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 9-10% โดยสมาคมฯ ตั้งเป้าหมายในปี 2553 ไว้ที่ 12,000 ล้านบาท เนื่องจากสัญญาณทางด้านเศรษฐกิจเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น ขณะที่ราคาบ้าน ที่มีการจองปลูกสร้างบ้านภายในงานรับสร้างบ้าน 2009 มีมูลค่าสูงขึ้นจากเดิมในปี 2550-2551 ราคาบ้าน ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด (Mode) อยู่ที่ 1-2 ล้านบาท ขณะที่ปี 2552 ราคาบ้านที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เป็นบ้านราคา 2-3 ล้านบาท ขณะที่ราคาเฉลี่ยของบ้านในปี 2550 และ 2551 อยู่ที่ 4.3 และ 4.2 ล้านบาท ส่วนปี 2552 ค่าเฉลี่ยของบ้านเพิ่มขึ้นเป็น 4.7 ล้านบาท

“ ทิศทางของตลาดรับสร้างบ้านดีขึ้นตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งคงเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัว ดีขึ้น ทำให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจ ขณะเดียวกันในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2552 บริษัทรับสร้างบ้านหลายแห่งมีการจัดกิจกรรมด้านการตลาดกันเพิ่มขึ้น รวมถึงสมาคมฯเองก็มีการจัดงานรับสร้างบ้านด้วย ทำให้กำลังซื้อที่ชะลอตัวในช่วงครึ่งปีแรกกลับเข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้น ซึ่งน่าจะส่งผลดีไปถึงปี 2553 ด้วย โดยจากการทำการสำรวจของสมาคมฯภายในงานรับสร้างบ้าน 2009 พบว่าเกือบ 50% ของกลุ่มเป้าหมายมีแผนงานที่จะปลูกสร้างบ้านในปี 2553 ทำให้เราคาดว่าในปีหน้าตลาดรับสร้างบ้าน น่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นตามที่เราคาดการณ์กันไว้ ” นายพันธุ์เทพ กล่าว

สำหรับในส่วนของนโยบายของสมาคมฯ ในปี 2553 นั้น นายพันธุ์เทพกล่าวว่า คงต้องรอนายกสมาคมฯและกรรมการบริหารชุดใหม่ที่จะเข้ามาทำงานตั้งแต่เดือนมกราคม 2553 เป็นต้นไป โดยในส่วนของการเลือกตั้งนายกสมาคมฯ และกรรมการบริหารชุดใหม่นั้นจะสรุปได้ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2552 ซึ่งนโยบายหลักของทางสมาคมฯก็ยังคงต้องมุ่งมั่นที่จะดำเนินตามวัตถุประสงค์หลัก คือ การยกระดับมาตรฐานของธุรกิจรับสร้าง-บ้านให้เป็นที่ยอมรับกับผู้บริโภคโดยทั่วไป