มหกรรมการเงิน เชียงใหม่ ครั้งที่ 4 Money Expo Chiangmai 2009 ปิดฉากสวย ด้วยปริมาณธุรกรรมสูงถึง 10,000 ล้านบาทตามคาด สินเชื่อบ้านครองแชมป์อันดับ 1 มูลค่าธุรกรรมกว่า 7,000 ล้านบาท ตามด้วยสินเชื่อเอ็มอีมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท แห่ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีช่วงโค้งสุดท้ายปลายปีดันยอดกองทุนรวมพุ่ง 230 ล้านบาท หอบเงินสดก้อนโตซื้อสลากออมสิน/ประกันรวมกว่า 300 ล้านบาท
นายสันติ วิริยะรังสฤษฎ์ บรรณาธิการ วารสารการเงินธนาคาร ในฐานะประธานจัดงาน มหกรรมการเงิน เชียงใหม่ ครั้งที่ 4 Money Expo Chiangmai 2009 เปิดเผยผลการจัดงานมหกรรมการเงิน เชียงใหม่ ครั้งที่ 4 ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 6-8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ที่ผ่านมาว่า ประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง มีผู้เข้าชมงานใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมากว่า 50,000 ราย ส่งผลให้มียอดธุรกรรมรวม 10,000 ล้านบาท จากผู้สมัครใช้บริการรวมกว่า 23,000 ราย
สินเชื่อบ้านยังคงเป็นบริการทางการเงินที่ชาวเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียงให้ความสนใจสมัครใช้บริการสูงสุดเป็นอันดับ 1 มูลค่าธุรกรรมกว่า 7,200 ล้านบาท จากจำนวนผู้สมัครใช้บริการกว่า 3,500 ราย ส่วนบริการที่มีมูลค่าสูงเป็นอันดับ 2 คือ สินเชื่อเอสเอ็มอี กว่า 1,300 ล้านบาท จากผู้สมัครใช้บริการประมาณ 500 ราย อันดับที่ 3 คือ สินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งมีผู้สมัครใช้บริการ กว่า 3,100 ราย รวมมูลค่าธุรกรรม 260 ล้านบาท ตามติดด้วยอันดับ 4 กองทุนรวม ที่มีผู้ลงทุนในกองทุนสูงถึงกว่า 1,000 ราย รวมเป็นมูลค่ากว่า 230 ล้านบาท
“การที่ผู้เข้าชมงานได้ขอสินเชื่อบ้านจำนวนมาก แสดงให้เห็นถึงความต้องการสินเชื่อบ้านว่ามีสูงมาก ประกอบกับภายในงาน ธนาคารและสถาบันการเงินต่างแข่งขันกันนำเสนอแคมเปญโปรโมชั่นดอกเบี้ยต่ำ เริ่มต้นตั้งแต่ 0% ต่อปีในช่วง 4 – 6 เดือนแรก ทั้งการกู้เงินซื้อบ้านใหม่และการรีไฟแนนซ์ รวมถึงยังมีข้อเสนอพิเศษ เช่น ฟรีค่าธรรมเนียมจัดการสินเชื่อ และของสมนาคุณอีกจำนวนมาก ที่เสนอให้ในงานนี้โดยเฉพาะ ซึ่งทำให้มีผู้มาขอสินเชื่อเป็นจำนวนมาก” นายสันติกล่าว
สินเชื่อเอสเอ็มอี ที่มียอดเป็นอันดับ 2 ก็มีจุดเด่นที่ให้กู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทั่วไป และยังมีโปรโมชั่นพิเศษ ส่งผลให้ผู้ประกอบการรายใหญ่และรายเล็กให้ความสนใจสมัครขอสินเชื่อจำนวนมาก สะท้อนถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่และภาคเหนือ
ในปีนี้ กองทุนรวมก็ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานจำนวนมากเช่นกัน โดยเฉพาะกองทุนรวม LTF/RMF เพื่อใช้สิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีช่วงปลายปี อีกทั้งธนาคารและบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนยังได้มอบของสมนาคุณเป็นพิเศษเฉพาะในงานอีกด้วย
ธุรกรรมทางการเงินอื่นๆ ที่ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานจำนวนมากเช่นกัน คือ บริการบัตรเครดิต ซึ่งมีผู้สมัครบัตรเครดิตจำนวนกว่า 5,700 ราย คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งนอกจากจะได้รับของสมนาคุณแล้ว ยังสามารถรับบัตรไปใช้บริการได้ทันที ขณะเดียวกันบริการประกันชีวิตและประกันภัยก็มีผู้สนใจซื้อกรมธรรม์เพื่อการคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ทางภาษีถึงกว่า 900 ราย รวมมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท รวมทั้งยังสนใจซื้อสลากออมสินสูงประมาณ 100 ล้านบาท
“ผู้เข้าชมงานส่วนหนึ่งตัดสินใจซื้อสลากออมสิน กรมธรรม์ประกันชีวิต กองทุนรวม ด้วยยอดธุรกรรมต่อรายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาทและอีกส่วนหนึ่งก็นำเงินสดก้อนโตมาซื้อภายในงาน สะท้อนถึงความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจของประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่และภาคเหนือที่ดีขึ้น” นายสันติกล่าว
ผู้เข้าชมงานยังเข้าร่วมกิจกรรมในการให้ความรู้ อาทิ การสัมมนาเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเงิน การลงทุน รวมทั้งเข้ารับคำปรึกษาการวางแผนทางการเงินจากผู้เชี่ยวชาญ ตลอดจนการเข้าฟัง การวิเคราะห์การลงทุนในหุ้น ทองคำ และตราสารอนุพันธ์ เป็นจำนวนมากตลอดทั้งสามวันของการจัดงาน
“ผลสำเร็จของการจัดงานครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการทางการเงินและการลงทุนของประชาชน ผู้ประกอบการที่ยังมีอีกมาก ผมรู้สึกยินดีที่งานมหกรรมการเงินได้เปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้าถึงบริการทางการเงินและการลงทุนอย่างเท่าเทียมกัน พร้อมทั้งมีส่วนในการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่และภาคเหนือ ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้” นายสันติกล่าว