ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ฯ มองผ่านเศรษฐกิจและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ประกาศพร้อมลุยเปิดโครงการใหม่ปี 2553 บนฐานความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจโลกและประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงที่พลิกฟื้นหรือพัฒนาดีขึ้นกว่าปี 2552 โดยขอเปิดโครงการรับปี 2553 จำนวน 6-7 โครงการ พร้อมตั้งเป้าเติบโตจากปีก่อน 30% ด้วยประมาณการยอดขาย 2,000 ล้านบาท ประมาณการยอดรับรู้รายได้ 1,650 ล้านบาท

นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายใต้ชื่อหลักทรัพย์ “LALIN” เปิดเผยว่า สำหรับประเทศไทย ต้นปีเศรษฐกิจได้รับผลกระทบมาก แต่ระยะต่อมาได้ปรับตัวดีขึ้น โดยรัฐบาลกระตุ้นการบริโภค ยอดส่งออกเริ่มฟื้นตัว การใช้กำลังผลิตดีขึ้น และการลงทุนภาคเอกชนกระเตื้องขึ้น ทำให้การเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม เพิ่มขึ้น ตัวเลขความเชื่อมั่นสำนักต่างๆ ทั้งภาคประชาชนและนักธุรกิจดีขึ้น

ในระยะต่อไปงบไทยเข้มแข็ง การส่งออก การลงทุนภาคเอกชน และการอนุมัติโครงการเมกกะโปรเจกต์ต่างๆ จะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวเป็นรูปธรรมขึ้น คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวไม่ต่ำกว่า 3 %

ในแง่ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 53 เนื่องจากเศรษฐกิจไทยจะมีแนวโน้มขยายตัว 3%++ และมีงบไทยเข้มแข็งเป็นตัวกระตุ้น และการลงทุนในเมกกะโปรเจกต์เป็นรูปธรรม ราคาพืชผลเกษตรจะดีขึ้นในปี 2553 ตลอดจนอัตราดอกเบี้ยแม้จะแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังอยู่ในระดับต่ำ หากได้รับแรงสนับสนุนต่ออายุมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมโอน และภาษีธุรกิจเฉพาะ ตลอดจนมาตรการสนับสนุนโครงการบ้านและคอนโดบี.โอ.ไอ ก็จะทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวเป็นบวกได้ไม่ต่ำกว่า 5% โดยโครงการบ้าน บี.โอ.ไอ คอนโด และทาวน์เฮ้าส์ สำหรับคนหนุ่ม – สาว ยังมีทิศทางที่ดี เพราะมี Real demand อีกมาก ในด้านแผนงานและกลยุทธธุรกิจ ปี 2553 บริษัทจะ

1. เพิ่มโครงการบ้านเดี่ยว โดย Redesign และ Brand ใหม่ ใช้ชื่อ “ Lanceo “ จะขยาย 3 โครงการ
2. ขยายธุรกิจเพิ่มเข้าไป Share ในตลาดทาวน์เฮ้าส์ คนหนุ่ม – สาว อย่างน้อย 3-4 โครงการ โดยใช้แบรนด์ “Lio “
3. โครงการคอนโดมิเนียม อย่างน้อย 1 โครงการ

มูลค่าโครงการ
Lanceo
– Lanceo 2 รามอินทรา – วงแหวน มูลค่า 1,000. -ล้านบาท
– Lanceo 3 เพชรเกษม 77 มูลค่า 550. -ล้านบาท
– กำลังเจรจาที่ดิน
Lio
– Lio 1 พหลโยธิน 54/1 -วัชรพล มูลค่า 520. -ล้านบาท
– Lio 2 เพชรเกษม 77 มูลค่า 293. -ล้านบาท
– Lio 3 รามอินทรา – วงแหวน มูลค่า 260. -ล้านบาท
– Lio 4 แจ้งวัฒนะ มูลค่า 560. -ล้านบาท

รวม 3,183. -ล้านบาท