โปรโมชั่นดอกเบี้ยบ้าน 0% ครองใจคนพัทยา ดันสินเชื่อบ้านทะลุ 10,000 ล้านบาท ตามด้วยสินเชื่อเอสเอ็มอีกว่า 3,200 ล้านบาท กองทุนรวมมาแรงรับต้นปีครองอันดับสาม ด้วยปริมาณธุรกรรมกว่า 720 ล้านบาท แห่ซื้อประกันเกือบ 500 ล้านบาท ส่งยอดธุรกรรมรวมในงาน Money Expo พัทยา 16,000 ล้านบาท
นายสันติ วิริยะรังสฤษฎ์ บรรณาธิการ วารสารการเงินธนาคาร ประธานจัดงานมหกรรมการเงินพัทยา ครั้งที่ 2 Money Expo Pattaya 2010 เปิดเผยผลการจัดงานมหกรรมการเงินพัทยา ครั้งที่ 2 ณ ศูนย์ประชุมพีช โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา ระหว่างวันที่ 5-7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 ว่า ประสบความสำเร็จอีกปีหนึ่ง ด้วยจำนวนผู้เข้าชมงานกว่า 40,000 คน ส่งผลให้มียอดธุรกรรมรวม 15,710.47 ล้านบาท จากผู้สมัครใช้บริการรวม 19,161 ราย
บริการทางการเงินที่ชาวพัทยา จังหวัดชลบุรี และจังหวัดใกล้เคียง สนใจสมัครใช้บริการสูงสุดอันดับหนึ่งในปีนี้ ยังคงเป็น สินเชื่อบ้าน โดยมีมูลค่าธุรกรรม 10,220.16 ล้านบาท จากจำนวนผู้สมัครใช้บริการกว่า 4,622 ราย สินเชื่อเอสเอ็มอี เป็นบริการทางการเงินที่ผู้เข้าชมงานสมัครใช้บริการสูงอันดับ 2 ด้วย มูลค่าธุรกรรม 3,271.99 ล้านบาท จากผู้สมัครใช้บริการ 503 ราย ส่วนบริการทางการเงินที่มีมูลค่าสูงอันดับ 3 คือ กองทุนรวม ที่มีผู้สนใจลงทุนรวมสูงถึง 878 ราย คิดเป็นมูลค่า 724.87 ล้านบาท
“การจัดงานมหกรรมการเงินพัทยานั้นแตกต่างจากการจัดงานในพื้นที่อื่นของประเทศไทย คือนอกจากจะมีประชาชนคนไทยให้ความสนใจเข้าชมงานแล้ว ยังมีกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่พำนักอยู่ในประเทศไทยและมีภรรยาเป็นคนไทยมาเข้าชมงานจำนวนมาก โดยสินเชื่อที่ได้รับความสนใจอย่างสูงคือสินเชื่อบ้าน โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวและที่ดินเปล่า ประกอบกับภายในงานนี้ ธนาคาร สถาบันการเงินทั้งของรัฐและของเอกชนต่างแข่งขันให้โปรโมชั่นสินเชื่อบ้านในอัตราดอกเบี้ย 0% ในช่วง 3-6 เดือนแรก พร้อมกับเตรียมเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญภาษาต่างประเทศมาให้บริการชาวต่างชาติเป็นการเฉพาะ อีกทั้ง ผู้สมัครใช้บริการภายในงานยังได้รับสิทธิฟรีค่าธรรมเนียมประเมินราคา ฟรีค่าจดจำนอง และยังได้รับของสมนาคุณพิเศษ ทำให้ลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติสมัครขอสินเชื่อเป็นจำนวนมาก”
ด้าน สินเชื่อเอสเอ็มอี มีจุดเด่นตรงที่ให้อัตราดอกเบี้ยต่ำเริ่มต้น 0% ในช่วง 3 เดือนแรก และโปรโมชั่นรับของที่ระลึกพิเศษเฉพาะผู้สมัครในงานเท่านั้น รวมถึงแต่ละสถาบันยังจัดเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญมาให้คำปรึกษาการดำเนินธุรกิจเอสเอ็มอี ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจได้ศึกษาทางเลือกการลงทุนและการดำเนินธุรกิจที่หลากหลายจากหลายสถาบันในคราวเดียว ส่งผลให้มีผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่และรายย่อยขอสินเชื่อจำนวนมาก
การลงทุนในกองทุนรวม นับว่ามียอดธุรกรรมสูงเกินความคาดหมาย เนื่องจากในปีนี้ทุกสถาบันล้วนนำเสนอกองทุนรวมหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะกองทุนรวมตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำ และให้ผลตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ประกอบกับภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นที่มีความผันผวน รวมถึงผู้ที่ซื้อหน่วยลงทุนในงานจะได้รับของที่ระลึกพิเศษ
สำหรับธุรกรรมทางการเงินประเภทอื่นที่ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานจำนวนมากเช่นกัน ได้แก่ การซื้อประกันชีวิตผ่านทั้งช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ และบริษัทประกันชีวิต รวมมูลค่าสูงถึง 480.99 ล้านบาท จากจำนวนผู้เอาประกัน 1,576 ราย เนื่องจากมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อมานำเสนอภายในงานนี้เท่านั้น โดยนอกจากให้ความคุ้มครองชีวิตแล้ว ยังเสนอผลตอบแทนสูงถึง 2.5% ต่อปี ซึ่งสูงกว่า อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก
ส่วนสินเชื่อบุคคล มีผู้สมัครถึง 2,603 ราย รวมมูลค่าธุรกรรม 363.87 ล้านบาท ขณะที่มีผู้เข้าชมงานจำนวน 1,145 ราย ได้ซื้อสลากออมสินรวมมูลค่าถึง 242.34 ล้านบาท และบริการบัตรเครดิต มีผู้สมัครใช้บริการ 3,116 ราย คิดเป็นมูลค่า 152.55 ล้านบาท เนื่องจากสามารถทราบผลการอนุมัติได้ทันที
นอกจากนี้ ผู้เข้าชมงานยังเข้าร่วมกิจกรรมให้ความรู้การสัมมนาในหัวข้อต่างๆ รวมทั้งเข้ารับคำปรึกษาการวางแผนทางการเงินและการลงทุนจากผู้เชี่ยวชาญ เพราะต้องการเครื่องมือการลงทุนรูปแบบใหม่ อาทิ การลงทุนในโกลด์ฟิวเจอร์ส เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มผลตอบแทน สอดคล้องกับการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ
“ผลสำเร็จของการจัดงานครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการทางการเงินและการลงทุนของประชาชนและผู้ประกอบการที่ยังมีอีกมาก ผมรู้สึกยินดีที่งานมหกรรมการเงินพัทยาครั้งนี้ ได้มีส่วนสร้างความมั่งคั่ง โดยการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้าถึงบริการทางการเงินและการลงทุนอย่างเท่าเทียมกัน พร้อมทั้งมีส่วนในการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี และภาคตะวันออก ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้” นายสันติกล่าว