BIG+BIH 2010 เมษายน ประสบความสำเร็จเกินคาด

งานแสดงสุดยอดสินค้าไลฟ์สไตล์ BIG+BIH เดือนเมษายน ฝ่ามรสุมการเมือง และเหตุภูเขาไฟระเบิดในยุโรป ผ่านไปได้ด้วยดี ตัวเลขผู้ซื้อต่างประเทศ ลดลงแค่กว่าร้อยละ 20 น้อยกว่าเป้าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงที่ร้อยละ 50 เหตุเพราะใช้แผนโรดโชว์ต่างประเทศและการทำการตลาดเชิงรุกช่วยพยุงสถานการณ์ ประกอบกับเปลี่ยนสถานที่จัดงานเป็นไบเทค ที่สะดวกขึ้นจากการเดินทางระหว่างสนามบินสุวรรณภูมิ ช่วยสร้างความมั่นใจให้การจัดงานเดือนตุลาคมว่าจะได้รับความสนใจมากขึ้น เนื่องจากจะมีกลุ่มประเทศ AEC เข้าร่วมงานจำนวนหลายราย และยังถือเป็นการยกระดับงานให้มีความเป็นนานาชาติอีกด้วย
นายจิรบูลย์ วิทยสิงห์ โฆษกสมาพันธ์ผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ เปิดเผยภายหลังการจัดงานแสดงสินค้าของขวัญและงานแสดงสินค้าของใช้ในบ้าน 2553 (BIG+BIH April 2010) ครั้งที่ 29 ที่จัดโดยกรมส่งเสริมการส่งออก และสนับสนุนโดยสมาพันธ์ผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ ระหว่างวันที่ 20-25 เมษายน ที่ผ่านมาว่า ผลกระทบจากสถานการณ์การเมืองภายในประเทศ และเหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิดที่ไอซ์แลนด์ จนส่งผลให้สนามบินของประเทศในแถบยุโรปต้องปิดให้บริการไประยะหนึ่ง ซึ่งเป็นช่วงก่อนเริ่มจัดงาน BIG+BIH April 2010 ส่งผลให้คณะผู้จัดงานได้ประเมินสถานการณ์ในเบื้องต้นว่ากลุ่มผู้ซื้อ (Buyer) ที่เข้ามาเจรจาการค้าอาจจะลดลงถึงร้อยละ 50 แต่จากสรุปผลการจัดงาน พบว่าจำนวนผู้ซื้อต่างประเทศ ที่มาร่วมงาน BIG+BIH ลดลงเพียงประมาณร้อยละ 20 เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้ในตอนแรก และถือเป็นที่น่าพอใจ

“ทั้งนี้ สมาพันธ์วิเคราะห์ว่าที่จำนวนผู้ซื้อต่างประเทศ ลดลงไม่มากนัก เนื่องจากผู้ซื้อต่างชาติในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าไลฟ์สไตล์ส่วนหนึ่ง ได้เดินทางไปเยี่ยมชมงาน Housewares Fair ที่ฮ่องกงก่อนแล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกันกับการจัดงาน BIG+BIH ทำให้ผู้ซื้อกลุ่มนี้ สามารถเดินทางมาร่วมงานที่ประเทศไทยได้ ทำให้ผู้ซื้อกลุ่มนี้เข้ามาทดแทนผู้ซื้อบางส่วนที่ไม่สามารถเดินทางมางานได้ ประกอบกับได้เปลี่ยนสถานที่จัดงานมาเป็นไบเทค ซึ่งอยู่ใกล้กับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทำให้ผู้ซื้อต่างประเทศเดินทางมายังงานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น” นายจิรบูลย์ กล่าวเพิ่มเติม

สำหรับวันจำหน่ายปลีก 23 – 25 เมษายน 2553 พบว่ามีประชาชนหลั่งไหลเข้าเลือกซื้อสินค้าเป็นจำนวนมากกว่าที่คาดการณ์ไว้เช่นเดียวกัน จากการเก็บสถิติจำนวนสติ๊กเกอร์ผู้เข้าร่วมชมงานมีประชาชนทั่วไปเข้าชมงานในช่วงวันขายปลีกรวมกว่า 95,000 ราย ซึ่งลดลงเพียงร้อยละ 7.22 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยพบว่าการเปลี่ยนสถานที่การจัดงานมาที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ทำให้มีกลุ่มลูกค้าใหม่ เช่น กลุ่มชาวต่างชาติที่ทำงานในประเทศไทย (Expat) รวมถึงกลุ่มลูกค้าโซนภาคตะวันออกจากชลบุรี และระยอง ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง เพิ่มเข้ามานอกเหนือจากแฟนประจำงาน BIG+BIH ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้จะให้ความสนใจและเข้าร่วมงานทุกครั้ง ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว ถือได้ว่าการจัดงาน BIG+BIH เดือนเมษายนที่ผ่านมาประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพึงพอใจ

จากแหล่งข่าวของกรมส่งเสริมการส่งออกล่าสุด ตัวเลขการส่งออกในไตรมาสแรกของปีนี้ มีอัตราการเติบโตสูงถึงเกือบร้อยละ 20 นับเป็นสัญญาณดี ที่แสดงให้เห็นว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมการส่งออกยังมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง การจัดงาน BIG+BIH ถือเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมส่งเสริมการส่งออก โดยเปรียบเสมือนเวทีที่ตั้งรับภายในประเทศ ที่สามารถสร้างภาพลักษณ์ของผู้ประกอบการไทยสู่เวทีการค้าสากลได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ งาน BIG+BIH ก็เป็นที่ยอมรับของผู้ซื้อจากทั่วโลกว่าเป็นสุดยอดงานแสดงสินค้าไลฟ์สไตล์ที่เทรนดี้ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยกรมส่งเสริมการส่งออก ยังได้จัดกิจกรรมทางการตลาดอื่นๆ ที่จะช่วยเปิดตลาดส่งออกของประเทศไทยให้ขยายตัวมากขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นการนำผู้ส่งออกเข้าร่วมงานแสดงสินค้าต่างประเทศ การจัดคณะผู้แทนการค้า (Trade Mission) รวมถึงการจับคู่และสร้างเครือข่ายทางการค้า เป็นต้น

นอกจากนี้ คณะอำนวยการจัดงาน BIG+BIH ซึ่งประกอบด้วยกรมส่งเสริมการส่งออก และสมาพันธ์ผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ เชื่อมั่นว่างาน BIG+BIH ในเดือนตุลาคมที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 19-24 ตุลาคม 2553 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนานั้น จะได้รับความสนใจจากผู้ซื้อทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงประชาชนทั่วไปมากยิ่งขึ้น เพราะจะมีประเทศในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) เข้ามาร่วมแสดงในงานนี้มากขึ้นด้วย อันเป็นการยกระดับงาน BIG+BIH ให้มีความเป็นสากลมากยิ่งขึ้น และในสัปดาห์หน้า ทางสมาพันธ์ฯ ก็จะเดินทางไปร่วมงาน Gift Fair ที่จัดขึ้นในฮ่องกง เพื่อทำการตลาดงานฯ BIG+BIH อย่างต่อเนื่องในลำดับต่อไป