10 อันดับบริษัทยอดนิยม : อันดับ 1 บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)

จุดวิเคราะห์ความนิยม

แม้เวลาจะล่วงเลยไปถึง 3 ปีแล้ว แต่ความนิยมบริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCG ต่อผลสำรวจ 10 อันดับบริษัทยอดนิยมของ POSITIONING ไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย ในทางตรงข้ามกลับเพิ่มขึ้นจากที่เคยอยู่อันดับ 2 เมื่อปี 2550 ก้าวสู่อันดับ 1 ในปีนี้

ด้วยภาพลักษณ์ขององค์กรมหาชนขนาดใหญ่ที่มีความมั่นคง มีข่าวสารด้านการสร้างสรรค์ผลงานและนวัตกรรมสู่สังคมไทยอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ SCG ยังมีการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศทั้งด้านการผลิตและการขาย ปัจจุบันมีสำนักงานขายที่ต่างประเทศถึง 36 สาขาใน 22 ประเทศ และขยายฐานตลาดสู่ภูมิภาคอื่นๆ กว่า 100 ประเทศทั่วโลก ปัจจุบัน SCG มีพนักงานทั่วโลกทั้งหมด 28,000 คน เป็นพนักงานต่างชาติ 3,002 คน หรือประมาณ 10% ของพนักงานทั้งหมด

เกณฑ์การเลือกพนักงาน

“ตอนนี้เราเป็นสีรุ้งแล้ว” อภิฤดี พัฒนะลีนะกุล ผู้จัดการฝ่ายคัดเลือกและสรรหา สำนักงานทรัพยากรบุคคลกลาง ของ SCG พยายามบอกกับ POSITIONING ว่าภาพลักษณ์องค์กรที่เคยเป็น “สีชมพู” ในวันนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว และไม่ได้คัดเฉพาะมหาวิทยาลัยรัฐบาลเท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสให้นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเอกชนได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรด้วยเช่นกัน ซึ่งจะมีการรับพนักงานใหม่ปีละ 500-800 คน จากผู้สมัครจำนวนไม่ต่ำกว่า 1,000 ราย

“เก่งและดี” เป็นคุณสมบัติหลักในการคัดเลือกพนักงาน SCG

คุณสมบัติคนเก่งในระดับปริญญาตรีต้องมีเกรด (GPA) ไม่ต่ำกว่า 2.7 และไม่ต่ำกว่า 3.3 สำหรับปริญญาโท รวมถึงคะแนน TOEIC (Test of English for International Communication) ไม่ต่ำกว่า 550 คะแนน

ส่วนคนดีจะวัดจากการใช้เครื่องมือสัมภาษณ์ของคณะกรรมการเพื่อวัดความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม ซึ่งอภิฤดีบอกว่าปีนี้จะมีเครื่องมือวัดคนดีในรูปแบบการสอบข้อเขียนที่พัฒนาร่วมกับอาจารย์ในมหาวิทยาลัยต่างๆ ร่วมกับกฎระเบียบด้านจริยธรรมและจรรยาบรรณของ SCG เพื่อให้มีความเป็นรูปธธรมมากขึ้น เมื่อคัดเลือก “ว่าที่พนักงาน” จบใหม่ระดับหัวกะทิได้แล้ว จะมีการพาไปกิจกรรม SCG Career Camp เป็นเวลา 2 วัน 1 คืนที่จังหวัดสระบุรีเพื่อทำความรู้จักองค์กรให้มากขึ้นจากนั้นจะมีการคัดเลือกเพื่อเข้าสู่การสัมภาษณ์จริงอีกครั้ง

ตำแหน่งนี้ที่ต้องการ

7 ตำแหน่งหลักที่ SCG ต้องการคือ วิศวกร ตัวแทนขาย เจ้าหน้าที่การตลาด นักบัญชี เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม เจ้าหน้าที่ทรัพยากรบุคคล เจ้าหน้าที่วิเคราะห์โครงการ เนื่องจาก SCG มีทั้งด้านการผลิตและการขายจึงมีสัดส่วนของพนักงานด้านวิศวกรและการตลาด (รวมตัวแทนขาย) ถึง 60% รวมทั้งการเป็นองค์กรนวัตกรรมจึงต้องการนักวิจัยมากขึ้น โดยตั้งเป้าเพิ่มจำนวนพนักงานด้าน R&D ในระดับปริญญาเอกให้ได้ถึง 50 คนภายในปี 2554 เพื่อเสริมกำลังด้านองค์กรนวัตกรรมอีกด้วย

อัตราเงินเดือนและโบนัส
– ปริญญาตรีสายวิศวะเริ่มต้นที่ 22,000-25,000 บาท สายสังคมเริ่มที่ 19,000-21,000 บาท
– ปริญญาโทด้านวิศวะเริ่มต้นที่ 27,00-28,000 บาท ด้านสังคมอยู่ที่ 22,000-25,000 บาท
– ผู้สมัครมีประสบการณ์ทำงานแล้วจะเพิ่มเงินเดือนให้สูงขึ้น รวมทั้งมีค่าเช่าบ้านให้สำหรับตำแหน่งที่ต้องทำงานในพื้นที่ต่างจังหวัด
– อัตราโบนัสขึ้นอยู่กับอัตราเฉลี่ยของผลประกอบการ ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ปีละ 3 เดือน

สวัสดิการที่น่าสนใจ
– ให้สิทธิ์แก่พนักงานในกรณีคนไข้นอกสามารถรักษาได้ถึงพ่อแม่ ส่วนคนไข้ในสามารถรักษาได้ทั้งครอบครัว (สามี ภรรยา บุตร) รวมทั้งให้สิทธิ์รักษาโรคที่เป็นต่อเนื่อง และมีโรงพยาบาลในสังกัดที่อำนวยความสะดวกพนักงานได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
– ให้ทุนการศึกษาสำหรับลูกพนักงานตั้งแต่ระดับประถมจนถึงมหาวิทยาลัย คัดเลือกจากการสอบแข่งขัน
– มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้พนักงานออมเงินไว้ใช้หลังเกษียณ
– จัดพื้นที่ให้พนักงานได้ออกกำลังกายภายในสำนักงานใหญ่ และพื้นที่ให้พักสายตาจากห้องทำงานโดยมีเครือข่าย Wi-Fi ไว้บริการ
– มีโปรแกรม Career Development โดยพนักงานทุกคน จะได้รับการอบรม 3 ด้าน คือ 1.Leadership 2.Business Concept และ 3.Functional เพื่อให้พนักงานได้พัฒนาตัวเอง และมีระบบงาน Talent Management เป็นโปรแกรมการประเมินผลการให้รางวัลทั้งที่เป็นตัวเงินและไม่เป็นตัวเงิน
– มีทุนการศึกษาส่งพนักงานไปเรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนำของยุโรปและอเมริกาทั้งด้าน MBA และด้าน Technical โดยออกค่าใช้จ่ายทุกอย่างให้พนักงานทั้งหมดและให้เงินเดือนระหว่างเรียนด้วย ภายใต้เงื่อนไขคือทำงานให้ SCGอย่างน้อย 3 เท่าของที่เรียนมา

ทำเล
แม้ว่าเขตบางซื่อจะไม่ใช่ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ไม่มีแหล่งช้อปปิ้งหรูหราแต่มีรถไฟใต้ดินสถานีบางซื่อตั้งอยู่ห่างจากสำนักงานใหญ่ SCG ไม่กี่ร้อยเมตร

ผลประกอบการ
ผลประกอบการของ SCG ในไตรมาส 4 ของปี 2552 มีกำไรสุทธิ 5,333 ล้านบาท โดยมียอดขายสุทธิ 62,030 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการขยายตลาดส่งออกในต่างประเทศ