กลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียล แถลงผลประกอบการไตรมาสแรกของกลุ่มว่า มีเบี้ยประกันภัยรับคำนวณเต็มปี (APE) จากธุรกิจใหม่ จำนวน 807 ล้านปอนด์ เติบโตขึ้น 26 % เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมา โดยมีผลกำไรจากธุรกิจใหม่รวม 427 ล้านปอนด์ ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 27 % และประเทศไทยมีเบี้ยประกันภัยรับ (FYP) จากธุรกิจใหม่ จำนวนกว่า 255 ล้านบาท เติบโตขึ้น 17 % เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา
มร.ทิดเจน เธียม ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียล กล่าวว่า “ไตรมาสที่ 1 ของปี 2553 นี้ เรายังคงรักษาผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมไว้ได้อย่างต่อเนื่องได้จากปีที่ผ่านมา โดยยังคงใช้กลยุทธ์ที่มุ่งเน้นไปยังธุรกิจที่มีโอกาสในการสร้างผลกำไรได้สูงสุด ส่งผลให้กลุ่มพรูเด็นเชียลประสบความสำเร็จในการสร้างความเติบโตทางธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านผลกำไรจากธุรกิจใหม่ โดยในไตรมาสแรกนี้ทั้งกลุ่มมีเบี้ยประกันภัยรับคำนวณเต็มปี (APE) จากธุรกิจใหม่ จำนวนรวมทั้งสิ้น 807 ล้านปอนด์ เพิ่มขึ้น 26 % เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมาที่มีเบี้ยประกันภัยรับจากธุรกิจใหม่ 640 ล้านปอนด์ และสร้างผลกำไรจากธุรกิจใหม่ได้ถึง 427 ล้านปอนด์ เพิ่มขึ้นเกือบ 100 ล้านปอนด์ หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 27 % เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีเจตนารมณ์ที่จะเปิดเผยข้อมูลทางการเงินของกลุ่มฯให้มากขึ้น ซึ่งการแถลงผลการดำเนินงานในครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่มีการรายงานเกี่ยวกับผลกำไรจากธุรกิจใหม่ของกลุ่มฯ อีกด้วย
โดยธุรกิจในแต่ละภูมิภาคก็ประสบความสำเร็จด้วยกลยุทธ์ที่แตกต่างกัน ขณะที่สหรัฐอเมริกามุ่งเน้นไปที่ความชำนาญเฉพาะทางและเคร่งครัดในการกำหนดราคา ในสหราชอาณาจักรเน้นกลุ่มที่มีความต้องการออมเพื่อวัยเกษียณและใช้กลยุทธ์ในการสร้างผลกำไรมากกว่ายอดขาย และภูมิภาคเอเชียที่กลุ่มพรูเด็นเชียลประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในการเติบโตของธุรกิจใหม่ มีเบี้ยประกันภัยรับรวมคำนวณเต็มปี (APE) ทั้งสิ้น 359 ล้านปอนด์ เพิ่มขึ้น 30 % เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา และมีผลกำไรจากธุรกิจใหม่อยู่ที่ 183 ล้านปอนด์ หรือเพิ่มขึ้น 35 % ซึ่งผลการดำเนินการที่ยอดเยี่ยมนี้นอกจากจะแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของกลุ่มธุรกิจในภูมิภาคนี้แล้วยังแสดงให้เห็นว่าธุรกิจในภูมิภาคนี้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ตลอดมากลุ่มพรูเด็นเชียลเน้นการดำเนินการโดยรักษาวินัยทางการเงินอย่างเคร่งครัด รวมถึงได้นำเอาหลักการบริหารและจัดการความเสี่ยง และมาตรการต่างๆ ที่ประกาศใช้ทั้งกลุ่มบริษัทฯ เพื่อให้แน่ใจว่ากลุ่มฯ มีทุนและสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ซึ่งเงินทุนส่วนที่เกินภาระผูกพัน (IGD) ของกลุ่มพรูเด็นเชียลที่มีสูงถึง 3,400 ล้านปอนด์ (ณ วันที่ 31 มีนาคม 2553) นี้เป็นเครื่องบ่งชี้ได้ว่าบริษัทฯ ดำเนินการตามวัตถุประสงค์นี้อย่างครบถ้วน และมีขีดความสามารถสูงในการที่จะแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มขึ้น และในอนาคตกลุ่มฯ เชื่อว่าธุรกิจในภูมิภาคเอเชียจะยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ในขณะที่สภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในสหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกายังคงทรงตัวต่อไป”
สำหรับประเทศไทย ไตรมาสแรกมีเบี้ยประกันภัยรับรวม (Total premium) 858.4 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 24 % โดยมีเบี้ยประกันภัยรับจากธุรกิจใหม่ (FYP) จำนวน 255 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 17 % โดยเฉพาะช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์เติบโตขึ้นถึง 86 % เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา ทั้งนี้เนื่องจากบริษัทฯ มีพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่งหลายราย และนอกจากนี้ยังมีกลุ่มธนาคารยูโอบีมาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่ที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่งเพิ่มขึ้นในปีนี้ ซึ่งสามารถสร้างเบี้ยประกันภัยรับจากธุรกิจใหม่ได้สูงจนน่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง โดยในไตรมาสที่ 1 ปีนี้ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย มีอัตราส่วนเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมายสูงถึง 446 % ซึ่งสูงกว่าจำนวนเงินกองทุนสำรองตามที่กฎหมายกำหนดถึง 346 % แสดงให้เห็นถึงมั่นคงทางการเงินของบริษัทฯ ได้เป็นอย่างดี