ค่ายทีโอเอ ผู้นำสีระดับเอเชีย ร่วมกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เริ่มศึกการแข่งขันยกแรกเวทีชิงบัลลังก์ King of Wood “ชิงล้าน ชิงแชมป์ ช่างสีงานไม้” ครั้งแรกในประเทศไทย ประเดิมรอบแรกเฟ้นหาสุดยอดช่างสี-ช่างไม้ เขตกรุงเทพฯและภาคตะวันออก พร้อมเชิญร่วมสัมผัสกิจกรรมพิเศษมากมาย อาทิ ผลิตภัณฑ์งานไม้ราคาพิเศษจากร้านค้าจากถนนสายไม้, สัมมนาพิเศษจากผู้เชี่ยวชาญของTOA ทั้งเรื่องงานไม้ และแนะนำเทคนิคเบื้องต้นของการทำสีไม้ รวมถึง DIY สร้างสรรค์งานไม้เก่าๆ ให้ดูใหม่ด้วยวิธีง่ายเป็นต้น วันเสาร์-อาทิตย์ 16-17 ตุลาคมนี้ ณ บริเวณลานราชประสงค์ Urban Space
นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในฐานะผู้นำนวัตกรรมด้านสี และผู้นำอุตสาหกรรมสีของประเทศไทย บริษัท ได้ร่วมกับ กรมพัฒนาฝีมือแรงงานเปิดเวทีแข่งขันสำหรับช่างสีและช่างไม้ระดับประเทศที่ชื่อว่า “ชิงล้าน ชิงแชมป์ ช่างสีงานไม้” (TOA: The King of Wood) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับคุณภาพด้านฝีมือแรงงาน ให้กับกลุ่มช่างไม้และช่างสีที่ฝีมือของเมืองไทย อันจะเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรมก่อสร้างของประเทศ ให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้นด้วย โดยจะมีการจัดกิจกรรมแข่งขันรอบแรก เพื่อค้นหาสุดยอดฝีมือช่างสีงานไม้ ของพื้นที่กรุงเทพมหานครและภาคตะวันออก ในวันที่ 16-17 ตุลาคมนี้ ณ บริเวณลานราชประสงค์ Urban Space โดยภายในงานนี้ ได้จัดให้มีกิจกรรมพิเศษอีกมากมาย อาทิ การขายสินค้าเกี่ยวกับงานไม้หลากหลายชนิดจากร้านค้าบนถนนสายไม้, การสัมมนาพิเศษเกี่ยวกับงานไม้ และเทคนิคงานไม้โดยผู้เชี่ยวชาญของทีโอเอ , การสร้างสรรค์ไอเดียจากไม้เก่าในแบบ DIY เป็นต้น
การแข่งขัน TOA The King of Wood “ชิงล้าน ชิงแชมป์ ช่างสีงานไม้” นี้ มีจุดเด่นในด้านการเปิดกว้างให้ทั้งช่างอาชีพทั่วไป ช่างฝีมือ และประชาชนทั่วไป ที่มีความสามารถทั้งด้านงานสี และงานไม้ เข้าร่วมการประกวด โดยไม่จำกัดเพศ, อายุและวุฒิการศึกษา ซึ่งผู้เข้าแข่งขันจะต้องแสดงความสามารถและทักษะทั้งด้าน งานไม้ และงานทาสี การแข่งขันจะมีการคัดเลือกยอดฝีมือในระดับภาค ตั้งแต่ภาคตะวันออกและกรุงเทพฯ แข่งขันที่กรุงเทพฯ วันที่ 16-17 ตุลาคม, ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ วันที่ 23-24 ตุลาคม, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดขอนแก่น วันที่ 30-31 ตุลาคม, ภาคกลาง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วันที่ 6-7 พฤศจิกายน ,และภาคใต้ที่จังหวัดภูเก็ต วันที่ 13-14 พฤศจิกายน ส่วนการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ จะจัดขึ้นในวันที่ 26-28 พฤศจิกายน 2553
“ซึ่งสำหรับเวทีการแข่งขันที่กรุงเทพในครั้งนี้ มีช่างสมัครเข้าประลองฝีมือช่างสีงานไม้เป็นจำนวนมาก ที่มาจากหลากหลายอาชีพ ขณะนี้มีช่างผู้หญิงเข้าร่วมแข่งขันหลายคน บางคนมีดีกรีเป็นแอร์โฮสเตท หรือบางคนเป็น เว็บดีไซน์เนอร์ แต่มีความรักและชอบการทำสีงานไม้ นอกจากนั้นยังมีช่างฝีมือที่แขนพิการแต่มีฝีมือการทำงานไม้ไม่เป็นรองใคร หรือบางคนเป็นถึงวิศวกรปิโตรเลียมก็ยังเข้ามาแข่งขันเพื่อชิงบัลลังก์ราชาช่างสีงานไม้ในครั้งนี้อีกด้วย เชื่อว่าการแข่งขันครั้งนี้จะปลุกกระแสช่างไม้ ช่างสี ซึ่งพบว่ามีจำนวนมากที่แม้ไม่ได้ยึดอาชีพช่างแต่ก็เป็นยอดฝีมือได้”
ด้าน นายนคร ศิลปอาชา อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน เสริมว่า ภายใต้ความร่วมมือกรมฯและบริษัททีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด มั่นใจว่า กิจกรรมการแข่งขันครั้งนี้ จะมีส่วนผลักดันสำคัญ ที่สร้างความตื่นตัวให้ช่างสีไทยในการพัฒนาตนเอง โดยเฉพาะการการแข่งขัน The King of Wood ครั้งนี้ มีแรงจูงใจเป็นรางวัลมูลค่าสูงถึงหลักล้านบาท และมีการทุ่มงบประมาณในการประชาสัมพันธ์ จึงเชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นให้ช่างสีหันมาสนใจและตระหนักถึงการพัฒนาฝีมือ หาความรู้ และสร้างประสบการณ์ในวิชาชีพอย่างจริงจัง เพื่อต่อยอดทักษะให้มีความเชี่ยวชาญ ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น ส่งผลให้ช่างสีมีมีรายได้เพิ่มขึ้น ทั้งนี้เชื่อมั่นว่ากิจกรรมนี้จะช่วยยกระดับงานสี งานไม้ให้วงการก่อสร้างไทย โดยช่างที่เข้าประกวด จะได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้เทคนิคการทาสี การเข้าไม้ ที่ปกติจะอยู่ติดตัวช่างในแต่ละคนเป็นส่วนใหญ่
สำหรับรางวัลการแข่งขัน รางวัลชนะเลิศ จะได้รับเงินรางวัลมูลค่า 1 ล้านบาท, รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 รับเงินรางวัลมูลค่า 1 แสนบาท, รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 รับเงินรางวัลมูลค่า 50,000 บาท, รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 3 เงินรางวัลมูลค่า 20,000 บาท, รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 4 เงินรางวัลมูลค่า 10,000 บาท, รางวัลแชมป์ประจำภาค เงินรางวัลมูลค่า 10,000 บาท และ20 คนสุดท้ายของแต่ละภูมิภาค รับเงินรางวัลมูลค่า 1,000 บาท สำหรับผู้ที่สนใจสมัครเข้าร่วมการแข่งขันสามารถดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ www.toagroup.com หรือขอใบสมัครและส่งข้อมูลไดที่ ตัวแทนจำหน่าย ทีโอเอ ทั่วประเทศ, สถานบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาค 12 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ สมุทรปราการ, สุพรรณบุรี, ชลบุรี, ราชบุรี นครราชสีมา, ขอนแก่น, อุบลราชธานี, นครสวรรค์, พิษณุโลก, ลำปาง, สุราษฏร์ธานี และสงขลา