บลจ.ไอเอ็นจี ปลื้มผลการดำเนินงานกองทุน LTF และ RMF สร้างผลตอบแทนระยะยาวติดอันดับสูงสุด เผยเบื้องหลังความสำเร็จมาจากนโยบายการลงทุนที่สอดคล้องกับการลงทุนระยะยาว และการติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิดของผู้จัดการกองทุน ส่งผล กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย บรรษัทภิบาล หุ้นระยะยาว ติด Best Performance อันดับ 1 ของกองทุน LTF ที่มีผลงานดีที่สุด 5 ปีย้อนหลัง และ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ ติด Best Performance อันดับ 1 ของกองทุน RMF ลงทุนในหุ้นที่มีผลงานดีที่สุด 5 ปีย้อนหลัง เชื่อทิศทางการลงทุนในกองทุนประหยัดภาษีคึกคักใน 2 สัปดาห์สุดท้าย พร้อมอัดโปรโมชั่น Cash Back ลงทุนทุกๆ 50,000 บาทได้รับคืน 300 บาท
นายต่อ อินทวิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายธุรกิจกองทุนและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า แม้ว่าขณะนี้ดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะปรับตัวในช่วงที่ผ่านมา หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในตลาดซื้อคืนพันธบัตร (อาร์พี) ระยะ 1 วันอีก 0.25% จากระดับ 1.75% สู่ 2.00% ส่งผลให้เม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตลาดหุ้นไทยก็ได้รับอานิสงส์จากเงินทุนไหลเข้าดังกล่าว รวมทั้งเม็ดเงินไหลเข้าจากการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ซึ่งโดยปกติจะคึกคักในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายก่อนสิ้นปี ทำให้ตลาดหุ้นไทยได้รับแรงหนุน
“เรายังเชื่อว่า เงินลงทุนใหม่ที่จะไหลเข้ามาลงทุนในกองทุนประหยัดภาษีในปีนี้ก็คงจะไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านมา เพราะฤดูกาลที่กองทุนประหยัดภาษีจะเติบโตมากจะเป็นช่วงเดือนสุดท้ายของทุกปี แม้ว่าปีนี้ดัชนีราคาหุ้นจะอยู่ที่ระดับค่อนข้างสูง ซึ่งทำให้นักลงทุนอาจจะกังวลเรื่องของต้นทุนในการลงทุนที่สูงขึ้น แต่เมื่อหักกลบกับสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี รวมกับพิจารณาว่า การลงทุนใน LTF และ RMF เป็นการลงทุนระยะยาวแล้ว ก็เชื่อว่า นักลงทุนที่ลงทุนใน LTF และ RMF จะได้รับสิทธิประโยชน์มากกว่า ซึ่งรวมถึงผลตอบแทนที่จะได้ในอนาคต” นายต่อกล่าว
ทั้งนี้ ปัจจัยที่นักลงทุนใช้ในการพิจารณาตัดสินใจลงทุนในกองทุน LTF และ RMF นั้น ส่วนใหญ่นักลงทุนจะใช้ผลการดำเนินงานของแต่ละกองทุนโดยเฉพาะผลการดำเนินงานในระยะยาวเป็นปัจจัยหลัก ซึ่งที่ผ่านมากองทุน LTF และ RMF ภายใต้การบริหารของ บลจ.ไอเอ็นจี สามารถบริหารให้เกิดผลตอบแทนได้ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะเมื่อเป็นการลงทุนในระยะยาว โดยบริษัทมอร์นิ่งสตาร์ ประเทศไทย ได้จัดอันดับผลการดำเนินงานกองทุน LTF และ RMF ข้อมูล ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553 โดยให้ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย บรรษัทภิบาล หุ้นระยะยาว ซึ่งมีผลตอบแทนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเฉลี่ยที่ 19.38% ต่อปี สูงที่สุดเป็นอันดับที่ 1 สำหรับกองทุน LTF เปรียบเทียบกับผลตอบแทนของดัชนี SET Index ที่เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 8.52% ต่อปี ในขณะที่ผลตอบแทนนับจากต้นปี 2553 อยู่ที่ 46.37% เปรียบเทียบกับผลตอบแทนของดัชนี SET Index ที่ให้ตอบแทน 36.84%
ขณะที่กองทุน RMF ที่ลงทุนในหุ้นของ บลจ.ไอเอ็นจี ได้แก่ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย หุ้นทุน เพื่อการเลี้ยงชีพ ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปีเฉลี่ย 17.60% ต่อปี สูงสุดเป็นอันดับที่ 1 สำหรับกองทุน RMF ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุดเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ในขณะที่ผลตอบแทนนับจากต้นปี 2553 อยู่ที่ 42.35% (ที่มา: www.morningstarthailand.com)
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายธุรกิจกองทุนและที่ปรึกษาการลงทุน บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) กล่าวด้วยว่า จากผลการดำเนินงานของกองทุนทั้งสอง ทำให้ได้รับความนิยมของนักลงทุนเพราะ การลงทุนใน LTF และ RMF นั้นเป็นการลงทุนเพื่อแสวงหาผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว โดยปัจจัยหลักที่ทำให้การบริหารกองทุนประสบความสำเร็จมาจากการนโยบายของกองทุนที่นอกจากจะเลือกทรัพย์สินที่เข้าไปลงทุนที่เหมาะสมกับการลงทุนในระยะยาวแล้ว และการบริหารจัดการติดตามการลงทุนอย่างใกล้ชิดของผู้จัดการกองทุนยังเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้กับผู้ลงทุนอีกด้วย
สำหรับนักลงทุนที่ลงทุนในกองทุน LTF และ RMF ของบลจ.ไอเอ็นจี ในช่วงนี้ บริษัทฯได้จัดแคมเปญ “ประหยัดภาษี” ด้วยการจัดโปรโมชั่นพิเศษ Money Cash Back โดยผู้ลงทุนในกองทุน LTF ทุกกอง และกองทุน RMF ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้น จะได้รับ Cash Back มูลค่า 300 บาท ขณะที่กองทุน RMF ที่มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรและตราสารหนี้ระยะสั้น จะได้รับ Cash Back มูลค่า 100 บาท เมื่อมียอดสะสมทุกๆ 5 หมื่นบาท
ผู้สนใจลงทุนในกองทุน LTF และ RMF ของ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ingfunds.co.th หรือโทร. 0-2688-7777 กด 2
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต ของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต การวัดผลการดำเนินงานนี้จัดทำขึ้นตามมาตรฐานการวัดผลการดำเนินงานของกองทุนรวมของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน