เอเซอร์ โชว์สุดยอดนวัตกรรมรับปีเถาะ สู่การแบ่งปัน “SHARE” กับความโดดเด่นอันดับ 1 ในตลาด

: บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด ผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดคอมพิวเตอร์โดยรวมในประเทศไทย ปลุกเร้าตลาดไอทีด้วยเป้าหมาย “SHARE” ข้ามชั้นการเป็นผู้ผลิตและให้บริการด้านฮาร์ดแวร์ สู่การเป็นผู้นำด้านโททอล โมบิลิตี้ โซลูชั่นส์ (Total Mobility Solutions) โดยนำเสนอนวัตกรรมที่จะเติมเต็มทุกประสบการณ์ผ่านอุปกรณ์ไอที แอพพลิเคชั่นส์ และบริการแพลทฟอร์ม พร้อมเพิ่มความสมบูรณ์แบบเพื่อการเข้าถึงโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ค กับสุดยอดนวัตกรรมล่าสุด กับโน้ตบุ๊ก ทัชสกรีน หน้าจอคู่ “ICONIA” , Tablet, Clear.fi, alive และสมาร์ทโฟน ‘Liquid Metal’ กับลูกเล่นเต็มพิกัด พร้อมแนะนำ “เอเซอร์ อาสา” โครงการซีเอสอาร์ แบ่งปันโอกาสสู่สังคม สร้างสรรค์การเรียนรู้สู่ภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง

นายแฮรี่ หยาง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาเรายังคงโดดเด่นด้วยความเป็นอันดับ 1 ในตลาดคอมพิวเตอร์โดยรวมอย่างต่อเนื่อง ด้วยส่วนแบ่งการตลาดของเอเซอร์หลังจากปิดไตรมาส 3 ของปีที่ผ่านมา โดยไอดีซีระบุว่าเอเซอร์มีส่วนแบ่งการตลาดคอมพิวเตอร์โดยรวมอยู่ที่ 26% ส่วนโน้ตบุ๊ก
เอเซอร์ยังคงเป็นอันดับ 1 เป็นปีที่ 8 ติดต่อกัน ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 36% สำหรับปีนี้เอเซอร์ตั้งเป้าเติบโตประมาณ 20 % ในขณะที่ตลาดไอทีโดยรวมคาดว่าจะเติบโตประมาณ 15 % ทั้งนี้ เอเซอร์ได้ขยายขอบข่ายการเชื่อมต่อการสื่อสาร โดยเพิ่มแอพพลิเคชั่นส์และแพลทฟอร์มด้านเนื้อหาเข้ามาผสมผสานกับผลิตภัณฑ์ของเรา ด้วยเป้าหมายทางธุรกิจผ่านแนวคิด “SHARE” การแบ่งปัน

“เอเซอร์ให้ความสำคัญกับ SHARE ที่ครอบคลุมทั้งในเรื่องของธุรกิจและสังคม พฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันต่อข้อมูลข่าวสารและเทคโนโลยีมุ่งไปที่การแบ่งปันคอนเทนท์และประสบการณ์แบบเรียลไทม์ โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องอุปกรณ์ในการสื่อสาร และนั่นคือเป้าหมายของเอเซอร์ ในฐานะผู้นำทางด้านอุปกรณ์โมบิลิตี้ คอมพิวติ้ง เอเซอร์จึงสร้างความต่างในการเข้าถึงคอนเทนท์ โดยสามารถเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์ที่หลากหลายได้อย่างง่ายดาย นั่นคือตัวอย่างหนึ่งของการทำงานบนเทคโนโลยี Clear.fi ที่เอเซอร์พัฒนาขึ้น รวมไปถึง alive แพลทฟอร์มบริการรูปแบบใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของเอเซอร์ ที่จะผสมผสานคอนเทนท์ หลอมรวมการใช้งานและความต่อเนื่องการใช้งานกับผลิตภัณฑ์ของเรา ลูกค้าของเราจะเพลิดเพลินไปกับโซลูชันส์อย่างเต็มรูปแบบไปพร้อมๆ กับผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เอเซอร์ได้ปรับตัวเองจากผู้นำด้านฮาร์ดแวร์ ไปสู่การเป็นผู้ให้บริการครบวงจร ครอบคลุมทั้งฮาร์ดแวร์ แอพพลิเคชันส์ และคอนเทนท์ เพื่อเชื่อมโยงโลกแห่งการสื่อสารอย่างไร้ขีดจำกัด”

“ดิจิตอลคอนเทนท์กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 60% และคาดการณ์ว่าการเติบโตจะเป็นสองเท่าทุกๆ 18 เดือน ทั้งในส่วนของข้อมูลและการผลิตเนื้อหาของดิจิตอลคอนเทนท์ ส่งผลให้จำนวนและความหลากหลายของอุปกรณ์ที่สามารถใช้เนื้อหาเหล่านี้เติบโตไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้ถูกออกแบบเพื่อเป้าหมายอย่างเดียวกัน คือเสริมสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้งานผ่านอุปกรณ์ เพื่อกระจายเนื้อหาไปยังผู้รับปลายทางในรูปแบบโซเชียลเน็ตเวิร์ค ซึ่งปัจจุบันผู้บริโภคมีความต้องการใช้งานที่หลากหลาย และต้องการที่จะแบ่งปันข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและสามารถทำได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถในการควบคุมและปรับรูปแบบมีเดียที่ตรงกับชีวิตประจำวันด้วยการเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการทุกเมื่อที่ต้องการ รวมถึงการบริโภคเทคโนโลยีใหม่ๆ สำหรับอุปกรณ์สื่อสารเพื่อให้สามารถผสมผสานหรือจัดสรรคอนเทนท์ตามที่ต้องการ” นายหยาง กล่าวเสริม

นายหยาง กล่าวเพิ่มเติมว่า เอเซอร์ในฐานะผู้นำด้านไอที จึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมมาเพื่อให้ผู้บริโภคได้แบ่งปันและตอบสนองการใช้งานได้อย่างครบครัน เพื่อเชื่อมโยงการการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยผลิตภัณฑ์กลุ่มใหม่ ได้แก่ โน้ตบุ๊ก ทัชสกรีน สองหน้าจอ ในนาม ไอโคเนีย (ICONIA) นวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในประเทศไทย จากที่เราเคยเห็นในภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์ แต่วันนี้เราจะได้สัมผัสของจริงแล้ว กับความสามารถรอบตัวที่อัดแน่นมากับขนาดเพียง 14 นิ้ว หน้าจอคู่ที่สามารถทำงานผสานกันและแยกส่วนกันได้ตามต้องการ พร้อมด้วยการใช้งานฟังก์ชั่นการใช้งานที่ง่ายมากด้วยระบบ all-point multi-touch ซึ่งหมายถึงการใช้นิ้วมือของคุณทั้งหมดสั่งงานบน ICONIA เพื่อเข้าสู่การใช้งานได้ทุกรูปแบบ ทั้งมัลติมีเดีย บันเทิง ท่องเว็บไซต์ หรืองานเอกสาร ผ่านหน้าจอสัมผัสคู่นี้ได้อย่างน่าทึ่ง ซึ่ง ICONIA ได้รับการโหวตให้เป็นสุดยอดแห่งผลิตภัณฑ์สุดโปรด ที่เข้าร่วมแข่งขันในรายการ Last Gadgets Standing ในงาน International Consumer Electronics Show (CES) ที่ลาสเวกัส เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2554

ในส่วนของ แท็บเล็ต ที่มาพร้อมกับดีไซน์ล้ำสมัยกับหน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว และรุ่นหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว มีทั้งระบบปฏิบัติการณ์แอนดรอยด์ และ ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 7 มาพร้อมคุณสมบัติการใช้งานอันทรงพลัง ให้คุณเพลิดเพลินได้ทุกที่ ทั้งการสร้างเนื้อหา ถ่ายภาพ บันทึกวิดีโอ และส่งข้อความ โดยการเชื่อมโลกออนไลน์ผ่านระบบ Wi-Fi และ 3G ซึ่งจากผลสำรวจยอดจำหน่ายแท็บเล็ตทั่วโลกในปี 2010 ปิดยอดที่ประมาณ 19 ล้านเครื่อง และคาดว่าในปี 2011 จะมียอดจำหน่ายทั่วโลก 54.8 ล้านเครื่อง และในปี 2014 จะมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นถึง 208 ล้านเครื่อง นั่นหมายถึงว่าตลาดมีความต้องการแท็บเล็ตแน่นอน นอกจากนี้ยังให้คุณได้สัมผัสกับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด Liquid Metal ระบบปฏิบัติการ Android 2.2 (FroYo) พร้อมพ่วงดีกรีความงามอย่างมีสไตล์กับรางวัล Japan’s Good Design Awards ด้วยตัวเครื่องผลิตจากโลหะรีไซเคิล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยประหยัดพลังงานและทรัพยากร ซึ่งเราเชื่อว่าผลิตภัณฑ์ใหม่ของเอเซอร์จะสามารถสร้างสีสันและปลุกเร้าให้ตลาดไอทีบ้านเราให้คึกคักมากยิ่งขึ้น

“พร้อมกันนี้เอเซอร์มีนโยบายที่จะนำประสบการณ์ที่มีอยู่เข้ามาช่วยขับเคลื่อนเพื่อสร้างโอกาสและแบ่งปันประสบการณ์ ด้านการเรียนรู้ การกีฬา และการศึกษา ให้กับเยาวชนและโรงเรียนที่อยู่ห่างไกลและขาดทุนทรัพย์ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ผ่านโครงการ “เอเซอร์ อาสา – Acer ARSA” โดยจะเป็นการสร้างและแบ่งปันโอกาสให้กับทั้งผู้ให้และผู้รับ ซึ่งเราจะจัดกิจกรรมที่ทั้งพนักงาน คู่ค้า ลูกค้า และสถาบันการศึกษา รวมถึงสังคมจะเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างและแบ่งปัน โดยเราจัดสรรงบประมาณส่วนหนึ่งเพื่อกิจกรรมนี้ เอเซอร์ขอเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์สังคมแห่งการเรียนรู้ โดยตั้งเป้าที่จะจัดกิจกรรมเพื่อตอบแทนสังคมอย่างต่อเนื่อง” นายหยาง กล่าวสรุป