เจ็ทสตาร์ สายการบินค่าโดยสารราคาประหยัดชั้นนำ เผยผลประกอบการที่โดดเด่นในช่วงครึ่งหลังของปี 2553 สิ้นสุด ณ เดือน ธันวาคม 2553 โดยมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี คิดเป็น 143 ล้านเหรียญออสเตรเลีย เพิ่มขึ้นร้อยละ18 จากช่วงครึ่งแรกของปี 2553
เจ็ทสตาร์ เติบโตอย่างพุ่งทะยานด้วยจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มมากขึ้น ควบคู่กับสมรรถนะการให้บริการโดยรวมที่สูงขึ้นถึงร้อยละ 19 โดยเส้นทางภายในประเทศมีสมรรถนะเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 ขณะที่เส้นทางระหว่างประเทศมีสมรรถนะเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 ส่งผลให้เจ็ทสตาร์มีรายได้รวมทั้งหมดคิดเป็น 1,346 ล้านเหรียญออสเตรเลีย ซึ่งเพิ่มขึ้น 215 ล้านเหรียญออสเตรเลีย หรือคิดเป็นร้อยละ 19 จากช่วงครึ่งแรกของปี 2553
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้เจ็ทสตาร์เติบโตอย่างไม่หยุดยั้งคือการบริหารต้นทุนต่อหน่วย โดยเจ็ทสตาร์สามารถลดต้นทุนต่อหน่วย (ไม่รวมเชื้อเพลิง) ลงได้อย่างต่อเนื่อง คิดเป็นร้อยละ 2 เมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปี 2553
ผลประกอบการอันแข็งแกร่งตอกย้ำถึงความสำเร็จของเจ็ทสตาร์ในฐานะหนึ่งในสายการบินที่เติบโตรวดเร็วที่สุดของภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเป็นตลาดการบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเจ็ทสตาร์ครองตำแหน่งสายการบินระหว่างประเทศของออสเตรเลียที่มีการเติบโตสูงที่สุด และเมื่อพิจารณาจากรายได้ เจ็ทสตาร์นับเป็นสายการบินค่าโดยสารราคาประหยัดที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย
ปัจจุบันเจ็ทสตาร์มีการดำเนินงานอยู่ใน 4 ประเทศ ใน 2 ทวีป โดยมีจำนวนเที่ยวบินสูงถึง 379 เที่ยวบินต่อวัน พร้อมมีแผนในการเพิ่มจำนวนเที่ยวบินให้มากขึ้น สำหรับเจ็ทสตาร์เอเชียมีรายได้ก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีคิดเป็น 17 ล้านเหรียญสิงคโปร์ โดยมีสมรรถนะการให้บริการที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 46 เมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปี 2553
ในช่วงครึ่งหลังของปี 2553 เจ็ทสตาร์และเจ็ทสตาร์เอเชียมีเครื่องบินใหม่จำนวน 11 ลำ โดยแบ่งออกเป็น เครื่องบินรุ่น A320-200 จำนวน 10 ลำ และเครื่องบินรุ่น A330-200 จำนวน 1 ลำ ซึ่งเจ็ทสตาร์ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องโดยมีแผนที่จะเพิ่มจำนวนฝูงบิน B787 จำนวน 15 ลำ ตั้งแต่ปลายปี 2555 เป็นต้นไป