กลุ่มทิสโก้โชว์กำไรไตรมาสแรกเติบโต 16.3%

กลุ่มทิสโก้โชว์กำไรไตรมาส 1/54 เติบโต 16.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการขยายตัวของทุกธุรกิจในทุกด้าน โดยเฉพาะสินเชื่อธุรกิจ และเงินฝากที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่นเกิน 20% มั่นใจทั้งปีเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 10-15% หลังเศรษฐกิจไทยส่งสัญญาณบวก มุ่งสานวิสัยทัศน์สร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน

นางอรนุช อภิศักดิ์ศิริกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ (Mrs. Oranuch Apisaksirikul,CEO) เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจของกลุ่มทิสโก้ในไตรมาส 1/2554 ยังมีการขยายตัวที่ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา เป็นผลมาจากการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบ และเน้นที่การบริหารงานให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด ประกอบกับสภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนความเชื่อมั่นของนักลงทุนและการบริโภคภายในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น และบรรยากาศทางการเมืองที่คลี่คลายสำหรับในช่วงที่เหลือของปีนี้ ทิสโก้มีมุมมองว่าภาวะเศรษฐกิจจะมีการขยายตัวต่อเนื่องไปอีก ส่วนแผนการดำเนินงานของทิสโก้ยังคงเดินหน้าตามแผนงานที่รัดกุมและมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญ โดยยังยืนยันเป้าหมายการเติบโตของธุรกิจไว้ที่ 10-15% ในปีนี้

“ไตรมาสที่ผ่านมาเป็นไตรมาสที่ดีของทิสโก้ รายได้รวมโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสินเชื่อมีการเติบโตที่ดีในทุกด้าน โดยสินเชื่อที่มีความโดดเด่นคือสินเชื่อธุรกิจ ซึ่งเป็นผลจากแนวโน้มการลงทุนที่กลับมา ทำให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด ธุรกิจของบริษัทในเครือก็ยังรักษาผลการดำเนินงานที่ดี โดยเน้นการตอบสนองที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า การบริหารงานและการควบคุมความเสี่ยงที่รัดกุม เน้นที่ประสิทธิผลเป็นหลัก ปัจจุบันทิสโก้จึงมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมาก ด้วยขนาดมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดของกลุ่มที่มีเกือบ 2 แสนล้านบาท และเป็นผู้นำตลาดในหลายด้าน อาทิ สินเชื่อเช่าซื้อ ธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนส่วนบุคคล ซึ่งการเติบโตในด้านต่างๆ ตอกย้ำถึงศักยภาพของกลุ่มทิสโก้ได้เป็นอย่างดี โดยในปีนี้เราก็จะยังคงเดินหน้าสานต่อธุรกิจด้วยวิสัยทัศน์ในการสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนให้แก่ลูกค้า และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง” นางอรนุช กล่าว

ทางด้านนายสุทัศน์ เรืองมานะมงคล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) (Mr. Suthas Ruangmana mongkol, President, TISCO Bank Plc.) กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจของธนาคารมีความโดดเด่นในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นสายงานสินเชื่อรายย่อย ที่มีสินเชื่อเช่าซื้อ และสินเชื่อทะเบียนรถยนต์ (ทิสโก้ ออโต้ แคช) เป็นตัวนำ ซึ่งมีการเติบโตที่ดี ซึ่งเป็นผลมาจากการการออกผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ได้แก่ “ทิสโก้ ท็อปอัพ รถผ่อนอยู่ก็กู้ได้” สินเชื่อขยายวงเงินสำหรับลูกค้าเช่าซื้อ และแคมเปญ “60 วัน ลั้นลา” ยึดเวลาการเริ่มผ่อนชำระสินเชื่อจำนำทะเบียนออกไปถึง 60 วัน โดยได้ทำการตลาดทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมถึงการเปิดสำนักอำนวยสินเชื่อ ทิสโก้ลีสซิ่ง ในจังหวัดต่างๆ จำนวน 6 สาขาทั่วประเทศ

ด้านสินเชื่อธุรกิจมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 23.1% เมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการปล่อยสินเชื่อแก่บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) จำนวนกว่า 4,000 ล้านบาท ขณะที่สินเชื่อเอสเอ็มอีขยายตัว 23.0% เมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อน สำหรับช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าสินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อเอสเอ็มอีจะสามารถขยายตัวได้อีกมากเช่นกัน

สำหรับเงินฝากก็มีการเติบโตอย่างโดดเด่น โดยในไตรมาสที่ผ่านมามียอดเงินฝากรวมเพิ่มขึ้นถึง 20.6% ส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของตั๋วแลกเงิน (บีอี) โดยมีลูกค้าเงินฝากออมทรัพย์ส่วนหนึ่งย้ายเงินฝากไปฝากในตั๋วแลกเงิน โดยล่าสุดธนาคารได้ออกผลิตภัณฑ์ตั๋วแลกเงิน อายุ 4 เดือนครึ่ง ที่ให้อัตราดอกเบี้ยสูงถึง 3% ต่อปี ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมากจากลูกค้า โดยจะเปิดขายถึงวันที่ 30 เม.ย. 54 นี้ และยังได้เปิดตัว “ทิสโก้ เวลธ์” (TISCO Wealth) บริการที่ปรึกษาด้านการเงินและการลงทุนสำหรับลูกค้าธนบดี โดยลูกค้าจะได้รับคำปรึกษาด้านการเงินและการลงทุนที่ครบวงจรจากผู้เชี่ยวชาญ ทั้งบริการเงินฝาก จัดการกองทุน และซื้อขายหลักทรัพย์ เพื่อขยายฐานลูกค้าธนบดีของทิสโก้

นอกจากนี้ เพื่อพัฒนาช่องทางการให้บริการลูกค้าได้อย่างครอบคลุม ในไตรมาสที่ผ่านมา ธนาคารทิสโก้ ยังได้เปิดทำการสาขาเดอะมอล์ บางกะปิ ส่งผลให้ปัจจุบันธนาคารมีสาขาจำนวน 45 แห่งทั่วประเทศ และภายในไตรมาสนี้ ธนาคารจะขยายสาขาเพิ่มอีก 2 แห่ง ได้แก่ สาขาฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต และสาขาเซ็นทรัล รามอินทรา

นายชาตรี จันทรงาม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายควบคุมการเงินและบริหารความเสี่ยงกลุ่มทิสโก้ (Mr. Chatri Chandrangam, CFO) กล่าวถึงรายละเอียดของผลประกอบการของกลุ่มทิสโก้ไตรมาส 1/2554 ว่า กลุ่มทิสโก้มีผลกำไรหลังผู้ถือหุ้นส่วนน้อยในไตรมาส 1 ปี 2554 จำนวน 828.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 116.32 ล้านบาท หรือ 16.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้นถึง 12.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการขยายตัวของสินเชื่อทุกภาคส่วนซึ่งเพิ่มขึ้น 40.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ดี ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของเงินให้สินเชื่อปรับตัวลดลงจาก 5.1% เป็น 4.3% ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจากธุรกิจหลักอยู่ที่ 1,008.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อนถึง 187.93 ล้านบาท หรือ 22.9 % จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจากธุรกิจธนาคารพาณิชย์ซึ่งเพิ่มขึ้น 8.7% ตามการขยายตัวของธุรกิจสินเชื่อทุกภาคส่วน ประกอบกับรายได้จากธุรกิจจัดการกองทุนที่เพิ่มขึ้น 10.0% ตามการขยายตัวของสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร นอกจากนี้ รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นถึง 53.4% ตามสภาวะตลาดทุนที่ปรับตัวดีขึ้น

โดยธุรกิจธนาคารพาณิชย์ เงินให้สินเชื่อของกลุ่มทิสโก้ ณ สิ้นไตรมาสแรกของปี 2554 มีจำนวน 165,896.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16,166.15 ล้านบาท หรือ 10.8% จากสิ้นปี 2553 โดยมูลค่าของสินเชื่อเช่าซื้อมีจำนวน 114,145.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,098.20 ล้านบาท 7.6% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2553 ทั้งนี้ สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่อนุมัติใหม่มีจำนวน 19,017.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,633.82 ล้านบาท หรือ 42.1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2553 สินเชื่อธุรกิจเพิ่มขึ้น 23.1% สินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพิ่มขึ้น 23.0 % จากสิ้นปี 2553 และสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ (ทิสโก้ ออโต้ แคช) เพิ่มขึ้น 10.2% ขณะที่อัตราหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ต่อสินเชื่อรวมของกลุ่มทิสโก้ ลดลงจาก 1.8% ณ สิ้นปี 2553 เป็น 1.5% ด้วยการบริหารจัดการสินเชื่อด้อยคุณภาพอย่างมีประสิทธิภาพผ่านเครื่องมือการบริหารความเสี่ยงอันทันสมัย และมีการติดตามชำระหนี้ ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และตัดจำหน่ายหนี้สูญที่รัดกุม

ธุรกิจหลักทรัพย์ ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2554 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจในประเทศ ทั้งนี้ มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันผ่าน บล. ทิสโก้ เท่ากับ 1,517.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2553 ที่ 968.11 ล้านบาท ส่วนรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์มีจำนวน 199.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่ 130.23 ล้านบาท หรือ 53.4% โดยสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ของ บล. ทิสโก้ ประกอบด้วยลูกค้าสถาบันในประเทศ 33.0% ลูกค้าสถาบันต่างประเทศ 25.7 % และลูกค้ารายย่อยในประเทศ 41.3% นอกจากนี้ บล.ทิสโก้มีรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจวาณิชธนกิจ ในไตรมาส 1 ปี 2554 อยู่ที่ 11.54 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 1 ปี 2553 ที่ 6.76 ล้านบาท

ด้านธุรกิจจัดการกองทุน บลจ. ทิสโก้ มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร ณ วันที่ 31 มีนาคม 2554 จำนวน 140,858.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,844.04 ล้านบาท หรือ 2.8% เมื่อเทียบกับสิ้นปีที่แล้ว และมีส่วนแบ่งตลาด ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2554 เป็นอันดับที่ 7 ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดเท่ากับ 5.2% แบ่งเป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นอันดับ 2 โดยมีส่วนแบ่งตลาด 13.5% สำหรับกองทุนส่วนบุคคลมีส่วนแบ่งตลาดมากเป็นอันดับที่ 2 มีส่วนแบ่งตลาด 16.1% และกองทุนรวมอยู่ที่อันดับที่ 15 มีส่วนแบ่งตลาด 0.9% รายได้ค่าธรรมเนียมพื้นฐานจากธุรกิจจัดการกองทุนในไตรมาสแรก เพิ่มขึ้น 37.02 ล้านบาท หรือ 28.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการขยายตัวของสินทรัพย์ภายใต้การบริหารและการออกกองทุนที่หลากหลายที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ส่งผลให้รายได้ค่าธรรมเนียมโดยรวมของธุรกิจจัดการกองทุนในไตรมาสแรกของปี 2554 เท่ากับ 177.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.12 ล้านบาท หรือ 10.0% ทั้งนี้ มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารแบ่งเป็นสัดส่วนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 55.7% กองทุนส่วนบุคคล 32.0% และกองทุนรวม 12.3%