ธนาคารเอชเอสบีซี ในฐานะธนาคารแห่งแรกในประเทศไทย ร่วมมือกับ Junior Achievement (JA) องค์กรการกุศลระดับสากล เดินหน้าโครงการให้ความรู้พื้นฐานด้านการเงิน HSBC – JA More than Money แก่เด็กนักเรียนชั้นประถมให้รู้จักการบริหารเงินอย่างชาญฉลาด โดยซีอีโอและพนักงานอาสาสมัครจากเอชเอสบีซีพร้อมใจร่วมเป็นครูฝึกสอน ซึ่งโครงการดังกล่าวได้พัฒนาหลักสูตรและสื่อการเรียนการสอนขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับเด็กอายุระหว่าง 7-11 ปี เพื่อให้ความรู้เรื่องการหารายได้ การใช้จ่าย การแบ่งปัน และการอดออม ผ่านกิจกรรมที่สนุกสนาน โดยกลุ่มเอชเอสบีซี ได้สนับสนุนเงินทุนจำนวน 5.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อดำเนินโครงการดังกล่าวในหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทย เป็นระยะเวลา 4 ปี
ภายหลังประสบความสำเร็จจากโครงการนำร่องเมื่อปีที่ผ่านมา เอชเอสบีซี ประเทศไทย จึงได้ขยายโครงการต่อไปยังโรงเรียนในระดับประถมศึกษาเพิ่มเติมอีก 9 แห่งในปีนี้ ซึ่งประกอบด้วย โรงเรียนประถมนนทรี โรงเรียนสารสาสน์เอกตรา โรงเรียนวัดด่าน โรงเรียนวัดสวนพลู โรงเรียนสาธิตแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โรงเรียนวัดชนะสงคราม โรงเรียนวัดยานนาวา โรงเรียนวัดราชสิงขร และโรงเรียนวัดหัวลำโพง ทำให้ล่าสุดมีโรงเรียนระดับประถมศึกษาที่เข้าร่วมโครงการรวมทั้งสิ้น 14 โรงเรียน และมีเด็กนักเรียนที่ผ่านการอบรมรวมทั้งสิ้นเกือบ 600 คน
นายแมตทิว ล็อบเนอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย เปิดเผยว่า “ในฐานะธนาคารชั้นนำระดับโลก เอชเอสบีซีมีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการพัฒนาธุรกิจและสังคมอย่างยั่งยืน ธนาคารฯ จึงได้สนับสนุนโครงการ HSBC – JA More than Money อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่สอง เพื่อปลูกฝังและสร้างเสริมทักษะเรื่องการบริหารเงินแก่เยาวชนไทย ผ่านหลักสูตรเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ด้วยเนื้อหาบทเรียนด้านการเงินที่กระชับ เข้าใจง่าย และการเล่นเกมส์บริหารเงินที่สนุกสนาน โดยมุ่งหวังว่าเยาวชนที่ผ่านการอบรมจะมีความรู้ความเข้าใจด้านบริหารเงินที่ถูกต้อง และนำไปปรับใช้จริงในสภาพสังคมและเศรษฐกิจปัจจุบัน ซึ่งนอกเหนือจากการสนับสนุนด้านเงินทุนแล้ว เอชเอสบีซียังส่งเสริมให้พนักงานอาสาสมัครของธนาคารที่มีความรู้ดีเยี่ยมด้านการเงินมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการในฐานะผู้ให้ความรู้ด้านการเงินแก่เด็กนักเรียนอีกด้วย”
อาจารย์สุพจน์ สุขสมบูรณ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายและแผนงาน โรงเรียนสารสาสน์เอกตรา กล่าวว่า “โครงการ HSBC – JA More than Money ถือเป็นหลักสูตรการเรียนการสอนรูปแบบใหม่ที่ไม่มีในหลักสูตรปกติ และยังสามารถนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ที่สำคัญที่สุดคือสอนให้เด็กๆ รู้จักวิธีการบริหารเงินขั้นพื้นฐาน เพื่อปูทางสู่อนาคตที่มั่นคง ทั้งยังมีการออกแบบสื่อการเรียนการสอนที่ดึงดูดความสนใจของเด็กๆ และนำศีลธรรมเข้ามาสอดแทรกอย่างสมดุล ซึ่งถือเป็นโครงการตัวอย่างที่น่าชื่นชม”
“ทุกวันนี้ เวลาจะใช้เงิน หนูจะคิดก่อนค่ะ” ด.ญ. รุจิญญา ธนาภินันท์ชัย นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสารสาสน์เอกตรา หนึ่งในนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการเล่าให้ฟัง “หนูได้เงินค่าขนมมาวันละ 40 บาท เมื่อก่อนจะใช้วันละ 20 บาท แต่พอเข้าเรียนโครงการนี้ก็ประหยัดขึ้น ใช้แค่ 15 บาท และเหลือเงินกลับบ้านเพิ่มขึ้นค่ะ เพราะเกมส์สอนให้รู้จักประหยัด เวลาได้เล่นเกมส์ ชอบมากและคอยลุ้นว่าเราจะได้เงินหรือเสียเงิน ทำให้เห็นค่าของเงินมากขึ้นกว่าแต่ก่อน และหลักสูตรยังสอนให้รู้จักระบบธนาคาร การฝาก-ถอนเงิน และดอกเบี้ย คิดว่าอนาคตน่าจะนำไปใช้ในการบริหารเงินของธุรกิจครอบครัวได้ เพราะที่บ้านเป็นโรงงานพลาสติกค่ะ”
เช่นเดียวกับ ด.ช. ธนัทธ์ สุวรรณจตุพร เพื่อนร่วมชั้น ที่บอกว่า “ผมเห็นคุณค่าของเงินมากขึ้นครับ เมื่อก่อนพอถึงเวลาพักก็จะวิ่งไปซื้อขนมทานทันที แต่ตอนนี้ก็ซื้อเท่าที่จำเป็น เริ่มเปรียบเทียบว่าอะไรคุ้มค่ากว่าก็เลือกอันนั้น เพราะกว่าพ่อแม่จะหาเงินมาได้ก็เหนื่อย ชอบหลักสูตรนี้ ตรงที่มีเกมส์ให้เล่น ได้ออกไปแสดงในบทบาทต่างๆ กับเพื่อนๆ และเรียนรู้วิธีบริหารเงินด้วย”
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ วรนันท์ สุทธปรีดา, สาวิตรี หมวดเมือง โทรศัพท์ 0-2614-4609, 0-2614-4606