ไมโครซอฟท์ ประเทศไทยเผยวิสัยทัศน์ใหม่ “We Make 70 Million Lives Better”

บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยทิศทางและกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจสำหรับปีงบประมาณ 2012 ภายใต้ธีม “Technology for All” พร้อมเผยวิสัยทัศน์ใหม่ “We Make 70 Million Lives Better” ซึ่งเป็นการนำเสนอเทคโนโลยีล้ำหน้าที่หลากหลาย เพื่อให้ผู้ใช้งานชาวไทยได้ใช้ประโยชน์สูงสุดและครอบคลุมจำนวนผู้ใช้งานมากที่สุด โดยสามารถตอบสนองความต้องการที่แตกต่างของผู้ใช้ทั่วประเทศรวมถึงคอนซูมเมอร์ทั่วไป ทั้งนี้ เพื่อให้คนไทย ธุรกิจไทย และสังคมไทยเติบโตและก้าวหน้าไปสู่อนาคตอย่างมั่นคง

ในปีนี้ไมโครซอฟท์มุ่งเข้าถึงคอมซูมเมอร์มากยิ่งขึ้น เทคโนโลยีของไมโครซอฟท์สะท้อนเทรนด์สำคัญอันได้แก่ “Location” สถานที่หรือภูมิศาสตร์กลายเป็นกระแสนิยมเนื่องจากผู้คนสามารถทำงาน ณ ที่ใดก็ได้ ในทุกเวลา ประกอบกับการใช้งานสมาร์ทโฟนที่แสดงสถานที่ใช้งาน ทำให้ธุรกิจต่างๆ สามารถให้บริการแก่ผู้ใช้งานในแต่ละพื้นที่อย่างตรงความต้องการ “Social Computing” การประมวลผลแบบสังคมช่วยให้คนติดต่อ สื่อสาร ทำกิจกรรมแบบ Work and Play ร่วมกันในรูปแบบอวตาร (avatar) ได้อย่างสมบูรณ์ “Cloud” ระบบคลาวด์ คอมพิวติ้งช่วยให้เกิดการเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัดในทุกพื้นที่ “Data service” การจัดการข้อมูลยุคใหม่จะช่วยให้การทำงานและการดำเนินชีวิตสะดวกและดียิ่งขึ้น

ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย จึงได้ประกาศวิสัยทัศน์ “We Make 70 Million Lives Better” ในปีงบประมาณ 2012 ซึ่งไม่เพียงแต่สอดคล้องกับเทรนด์ดังกล่าว หากแต่ยังสะท้อนการเดินหน้าดำเนินธุรกิจที่มั่นคงกับคู่ค้าเพื่อมอบผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่สร้างสรรค์เพื่อ 1) ช่วยพลิกโฉมธุรกิจในประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 2) ช่วยผลักดันเศรษฐกิจองค์รวมให้เติบโตอย่างมั่นคง 3) ช่วยจุดประกายการติดต่อและสร้างสรรค์ไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ ในโลกออนไลน์ 4) ช่วยส่งเสริมให้คนไทยได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่และใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ ปัจจุบัน เทคโนโลยีของไมโครซอฟท์เป็นส่วนหนึ่งของการทำงานและไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัย และจากนี้ไปไมโครซอฟท์ ประเทศไทยได้วางเป้าหมายที่จะมุ่งเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนไทยที่มีคุณภาพชีวิต การทำงาน และไลฟ์สไตล์ที่ดียิ่งกว่าวันนี้

พนักงานของไมโครซอฟท์ คู่ค้า นักพัฒนาและองค์กรต่างๆ ที่ทำงานร่วมกับไมโครซอฟท์ต่างมีส่วนร่วมในวิสัยทัศน์ที่ต้องการผลักดันให้คนไทยทุกคนได้รับประโยชน์สูงสุดจากเทคโนโลยีและบริการ อันจะนำไปสู่รายได้ที่มากขึ้นและผลกำไรที่ดียิ่งขึ้น ส่งเสริมให้ประเทศไทยเติบโตอย่างมั่นคง

นายพีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เทคโนโลยีเป็นองค์ประกอบพื้นฐานที่สำคัญอันจะนำไปสู่การพัฒนาของประเทศในด้านการเพิ่มโอกาสให้ประชาชนได้เข้าถึงไอทีและอินเทอร์เน็ต ไมโครซอฟท์เชื่อว่าทุกคนควรมีโอกาสใช้งานไอทีอย่างเหมาะสม ดังนั้น เราจึงพัฒนาเทคโนโลยีให้เข้าถึงได้ง่าย และใช้งานง่ายในราคาที่เป็นเจ้าของได้ ปัจจุบันเป็นยุคของคอนซูมเมอร์ ไมโครซอฟท์จึงต้องการมอบเทคโนโลยีและการบริการไอทีสำหรับผู้บริโภคทั่วไปเพื่อเพิ่มความสะดวกให้ทุกไลฟ์สไตล์ในราคาที่เบาลง เมื่อเทียบกับไอทีสำหรับออฟฟิศ ในที่สุด ไอทีนอกจากจะเป็นเครื่องมือทางธุรกิจแล้ว ยังจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคนไทยที่มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น”

ในปีงบประมาณที่ผ่านมา ยอดขายของไมโครซอฟท์ ประเทศไทยเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังคงครองความเป็นผู้นำในด้านคลาวด์ คอมพิวติ้งดังเช่นหลายปีที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์วางแผนจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์และบริการในกลุ่มคลาวด์ คอมพิวติ้ง อาทิ Office 365 และ Windows Azure ซึ่งจะช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำธุรกิจและคุ้มค่าต่อการลงทุน สำหรับคอนซูมเมอร์ ในปีนี้ไมโครซอฟท์มีผลิตภัณฑ์และแคมเปญใหม่ๆ ได้แก่ การเปลี่ยนโฉมครั้งใหญ่ของ Hotmail ซึ่งพร้อมใช้งานในวันที่ 3 ตุลาคม 2554 และในวันที่ 4 ตุลาคม ไมโครซอฟท์จะเปิดตัว Windows Experience Zone เป็นครั้งแรกในเมืองไทยที่พันทิพย์ พลาซ่า นอกจากนี้ ยังมีแคมเปญใหญ่ที่เปิดตัวในเดือนมกราคม 2554 เพื่อส่งเสริมให้คนไทยใกล้ชิดกันมากขึ้นด้วยเทคโนโลยีของไมโครซอฟท์ ไม่ว่าจะเป็น วินโดวส์ ออฟฟิศ วินโดวส์ โฟน วินโดวส์ ไลฟ์ เป็นต้น พร้อมกันนี้ยังจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่คนไทยรอคอย ได้แก่ วินโดวส์ โฟน 7.5 คินเน็ค เอ็กซ์บ็อกซ์ และบิง

จากวิสัยทัศน์นำเสนอเทคโนโลยีให้กับคนไทยทุกคน ครูเป็นคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เมื่อได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีไมโครซอฟท์ แล้วสามารถนำไปต่อยอดในการเพิ่มพูนความรู้ให้กับนักเรียน ซึ่งจะเป็นกำลังที่สำคัญในการพัฒนาประเทศในอนาคต อาจารย์จันทร์จิรา พงษ์ชู ครูกลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี โรงเรียนปทุมวิไล ผู้ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ประเภท Educators’ Choice ในการประชุม Worldwide Innovative Teachers Forum ประจำปี 2552 กล่าวว่า “การเรียนรู้นอกห้องเรียนถือเป็นการส่งเสริมให้นักเรียนคิดนอกกรอบและอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งเทคโนโลยีถือเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการเรียนรู้ของนักเรียนในวันนี้ เพราะเป็นปัจจัยที่ช่วยสร้างสรรค์การเรียนการสอนรูปแบบใหม่ ด้วยเทคโนโลยีไมโครซอฟท์อย่างมัลติพอยท์ และไมโครซอฟท์ออฟฟิศที่มีการใช้งานง่าย ครูสามารถพัฒนาเนื้อหารูปแบบใหม่ที่สร้างสรรค์ เพื่อกระตุ้นให้นักเรียนมีส่วนร่วมในชั้นเรียนมากขึ้น อันจะนำไปสู่การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพของนักเรียน เมื่อเยาวชนของชาติมีการศึกษาที่ดีก็จะส่งผลต่อการพัฒนาประเทศด้วย เทคโนโลยีถือเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับครูที่จะช่วยพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้ของนักเรียนได้อย่างสร้างสรรค์”