“ควอลิตี้ เฮ้าส์” ดึง 3 โครงการคุณภาพในเครือเซนเตอร์พอยต์ โฮเทล แอนด์ เรซิเดนซ์ จัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ มูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท เผยเป็นการลงทุนในกรรมสิทธิ์โครงการเซนเตอร์พอยต์ เพชรบุรี – โครงการเซนเตอร์พอยต์ สุขุมวิท และลงทุนในสิทธิการเช่าอายุ 14 ปี โครงการเซนเตอร์พอยต์ หลังสวน ชูจุดเด่นทำเลใจกลางเมือง เดินทางสะดวกด้วยสาธารณูปโภคครบครัน อยู่ใกล้ห้างสรรพสินค้าชั้นนำและย่านศูนย์กลางทางธุรกิจ สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าเป้าหมายที่เป็นนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวต่างชาติ เชื่อมีโอกาสเติบโตจากการให้บริการใน 2 รูปแบบที่ผสมผสานระหว่างเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์และโรงแรม ที่ทำให้รายได้มีความแน่นอน มั่นใจการบริหารจัดการภายใต้แบรนด์ “เซนเตอร์พอยต์” ที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 20 ปีและเป็นหนึ่งในผู้นำในการบริหาร Hotel and Residence Chain ในประเทศไทยจะสร้างผลการดำเนินงานที่พอใจ
นางสุวรรณา พุทธประสาท กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH เปิดเผยว่า บริษัทฯอยู่ระหว่างการจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ มูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท ซึ่งจะลงทุนใน 3 โครงการเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์และโรงแรมใจกลางเมือง ประกอบด้วย ลงทุนกรรมสิทธิ์โครงการเซนเตอร์พอยต์ เพชรบุรี และโครงการเซนเตอร์พอยต์ สุขุมวิท และลงทุนสิทธิการเช่าอายุ 14 ปีในโครงการเซนเตอร์พอยต์หลังสวน ซึ่งทั้ง 3 โครงการอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพสำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
สำหรับ โครงการเซนเตอร์พอยต์ เพชรบุรี ตั้งอยู่บนถนนเพชรบุรี 15 เป็นอาคารขนาด 28 ชั้น และอาคาร ที่จอดรถขนาด 5 ชั้น ซึ่งสถานที่ตั้งของโครงการอยู่ในเขตประตูน้ำ ซึ่งเป็นสถานที่ชอปปิ้งที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ในกลุ่มนักท่องเที่ยว เพราะแวดล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้าชั้นนำ อาทิเช่น ห้างมาบุญครอง ห้างแพลตตินัม พันธุ์ทิพย์พลาซ่า เซ็นทรัลเวิลด์ เกสรพลาซ่าและสยามพารากอน โดยสถานที่ตั้งมีความสะดวกสบายไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าราชเทวี และรถไฟเชื่อมสนามบินสถานีพญาไท ทำให้ผู้ที่เข้าพักไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจ นักท่องเที่ยวหรือผู้เดินทางสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ขณะเดียวกัน โครงการยังได้รับการออกแบบและตกแต่งเพื่อให้มีบรรยากาศอบอุ่น สบาย แต่หรูหรา พร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครันทั้งภายในห้องพักและส่วนกลาง
ในส่วนของ โครงการเซนเตอร์พอยต์ สุขุมวิท ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท 10 เป็นอาคารที่พัก 28 ชั้นและ อาคารที่พักขนาด 5 ชั้น โดยโครงการตั้งอยู่ในสิ่งแวดล้อมเงียบสงบใจกลางย่านสุขุมวิททำให้ได้รับความนิยมจากกลุ่ม ผู้เช่าทั้งนักธุรกิจและครอบครัว ขณะที่สถานที่ตั้งโครงการมีความสะดวกสบายอยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าสถานีอโศกและนานา โดยผู้เช่าสามารถใช้บริการรถรับส่งของโครงการเพื่อเดินทาง ทำให้ผู้เช่าสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย พร้อมกันนี้ ภายในโครงการยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน อาทิ สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย ห้องประชุม รวมถึงห้องน้ำชากลางแจ้งที่เหมาะสำหรับผู้พักอาศัยระยะยาวอีกด้วย นอกจากนี้ โครงการยังได้รับผลดีจากการเปิดตัวของโครงการศูนย์การค้า เทอร์มินัล 21 ในบริเวณใกล้เคียงอีกด้วย
ขณะที่ โครงการเซนเตอร์พอยต์ หลังสวน ตั้งอยู่บริเวณซอยหลังสวน 1 เป็นอาคารที่พักอาศัย 24 ชั้น อาคารที่จอดรถ 4 ชั้น ล้อมรอบด้วยสภาพแวดล้อมพื้นที่สีเขียวที่สงบเหมาะสำหรับการพักผ่อนใกล้สวนลุม ในขณะเดียวกัน ก็สามารถเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ใจกลางเมือง ย่านธุรกิจหรือห้างสรรพสินค้าได้อย่างสะดวก โดยโครงการอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าชิดลมและสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีสีลม รวมทั้งโครงการยังจัดให้มีบริการ รถรับส่งทำให้ผู้พักอาศัยได้รับความสะดวกสบายในการเดินทาง ในส่วนของห้องพักก็มีขนาดหลากหลายตั้งแต่สตูดิโอ ไปจนถึงขนาด 1-3 ห้องนอน โดยภายในโครงการยังมีสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ ห้องประชุม ห้องสมุด สระว่ายน้ำและห้องซ้อมกอล์ฟ เป็นต้น นอกจากนี้ โครงการเซ็นเตอร์พอยต์ หลังสวนเพิ่งได้รับการปรับปรุงภาพลักษณ์ครั้งใหญ่ (Major Renovation) แล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2554 เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่คาดว่าจะเติบโตในอนาคต
“นอกจากจุดเด่นด้านทำเลแล้ว โครงการทั้ง 3 แห่งยังมีจุดเด่นอยู่ที่การผสมผสานการให้บริการในรูปแบบของเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์และโรงแรม เนื่องจากโครงการเป็นเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม ซึ่งในส่วนของบริการเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์นั้น จะมีฐานลูกค้าเช่าพักระยะยาวที่ช่วยลดความผันผวนด้านรายได้ ในขณะเดียวกัน การรับลูกค้าเช่าพักระยะสั้นในรูปแบบโรงแรมทำให้สามารถคิดค่าเข้าพักได้ในอัตราที่สูงกว่า และสามารถจับกลุ่มลูกค้าได้ทั้งชาวต่างชาติที่เข้าพักอาศัยในประเทศไทย และกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย นอกจากนี้ โครงการทั้งสามแห่งยังดำเนินการมามากกว่า 15-22 ปี มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในช่วงที่ผ่านมา โดยอัตราการเข้าพักเฉลี่ยในอดีตพิสูจน์แล้วอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องและสามารถเพิ่มอัตราค่าเช่าพักได้เช่นกัน” นางสุวรรณากล่าว
ขณะเดียวกัน การบริหารจัดการภายใต้แบรนด์ “เซนเตอร์พอยต์” ซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์ในการบริหารและจัดการโครงการเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์มาอย่างยาวนานเป็นระยะเวลากว่า 20 ปี และได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในผู้นำในการบริหาร Hotel and Residence Chain ในประเทศไทย ที่มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารมากที่สุดในประเทศไทยมากถึง 2,500 ยูนิตจากจำนวน 11 โครงการ ทำให้มั่นใจได้ถึงผลการดำเนินงานที่น่าพอใจ
กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ควอลิตี้ เฮ้าส์ กล่าวด้วยว่า มั่นใจว่า โครงการทั้งสามแห่งจะได้รับผลดีจากการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยในอนาคต ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมาพบว่า จำนวนนักท่องเที่ยวของไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีปัญหาการเมืองในประเทศเกิดขึ้น นอกจากนี้ จากการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 จะทำให้มีชาวต่างชาติเข้ามาทำงานในประเทศไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้โครงการ“เซนเตอร์พอยต์” ทั้ง 3 โครงการได้รับผลดีโดยตรงจากการที่ลูกค้าต่างชาติซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มเป้าหมายจะเข้ามาทำงานและหาที่พำนักในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งด้วยศักยภาพทางทำเล รูปแบบของโครงการ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกของโครงการจะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี