แสนสิริพิสูจน์ฝีมือ “ตัวจริงตลาดคอนโด” ปิดฉากครึ่งปีแรกด้วยยอดขายรวม 12,000 ลบ.

 

แสนสิริรุกหนักอีกครั้งด้วยผลงานการสร้างยอดขายคอนโดมิเนียมรวมครึ่งปีแรกรวมสูงสุดในธุรกิจอสังหาฯ ไทย ปรับทัพเตรียมพร้อมเปิด 14 โครงการใหม่ทั่วประเทศ มูลค่ารวม 16,000 ลบ. ในครึ่งปีหลัง มั่นใจตลาดคอนโดอยู่ในช่วงขาขึ้นตลาด กทม.และปริมณฑลเริ่มขยายออกตาม แนวรถไฟฟ้า ขณะที่คอนโดกลางเมืองเริ่มผุดช้าเหตุหาที่ดินยาก ในขณะที่ ตจว. ตื่นตัวรับ เทรนด์ใหม่อ้าแขนรับการอยู่คอนโด

นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการ คอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2555 บริษัทประสบความสำเร็จจากการเปิดตัวการขายคอนโดมิเนียมใหม่โครงการต่างๆ ไปแล้วจำนวนทั้งสิ้นถึง 13 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 12,300 ล้านบาท จากแผนการดำเนินงานเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม ใหม่ที่ได้ตั้งเป้าไว้จำนวน 27 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 28,000 ล้านบาท สามารถสร้างยอดขาย คอนโดมิเนียมได้แล้วถึง 12,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นถึง 65% จากเป้าหมายยอดขาย (พรีเซลล์) คอนโดมิเนียมทั้งปีที่ตั้งไว้ 19,000 ล้านบาท ซึ่งนับว่าสูงที่สุดในกลุ่มผู้ประกอบการพัฒนา อสังหาริมทรัพย์ในขณะนี้ โดยแบ่งเป็นความสำเร็จจากการปิดการขายโครงการคอนโดมิเนียม HQ ทองหล่อ ซึ่งสร้างยอดขายโครงการเป็นมูลค่าถึง 1,600 ล้านบาทได้ภายในระยะเวลาเพียง 1 วัน , โครงการ เดอะ เบส พระราม 9 – รามคำแหง ซึ่งปิดการขายโครงการมูลค่า 1,700 ล้านบาทได้ในช่วงปลายเดือน มิถุนายนที่ผ่านมา, โครงการเดอะ เบส แจ้งวัฒนะ ซึ่งปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 65% และโครงการซาริ บาย แสนสิริ ซึ่งปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 60%

รวมทั้งความสำเร็จจากการรุกตลาดคอนโดมิเนียม ในต่างจังหวัดโดยเฉพาะที่หัวหิน และใน จ.ภูเก็ต อาทิ  การปิดการขาย 3 โครงการ บ้านคุ้นเคย บ้านคู่เคียง และซัมเมอร์ หัวหิน ได้สำเร็จในช่วงเทศกาลสงกรานต์เดือนเมษายนที่ผ่านมา ส่วนโครงการเชโลน่า คอนโดมิเนียมริมทะเลสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน ริมหาดเขาเต่า ขณะนี้ก็มียอดขายไปแล้วถึง 70% รวมถึงผลงานในช่วงต้นปีกับการปิดการขายคอนโดมิเนียม ดีคอนโด กะทู้ – ป่าตอง โครงการที่ 2 ในจ.ภูเก็ตได้อย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับดีคอนโดโครงการแรก ส่วนดีคอนโด ครีก โครงการที่ 3 ในภูเก็ต ขณะนี้ก็มียอดขายไปแล้วถึง 55% จากจำนวนทั้งสิ้น 806 ยูนิต รวมถึงล่าสุดกับการปิดการขายโครงการ เดอะ เบส ดาวน์ทาวน์ ภูเก็ต คอนโดมิเนียมจำนวน 311 ยูนิต มูลค่าโครงการขายประมาณ 800 ล้านบาท ลงเรียบร้อยแล้ว หลังจากเปิดขายในช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา จากภาพรวมกระแสการตอบรับคอนโดมิเนียมที่ดีดังกล่าว ทำให้บริษัทฯ เล็งเห็นถึงแนวโน้มการเติบโต ของตลาดคอนโดมิเนียมที่ชัดเจน ทำให้มีความมั่นใจกับแผนการดำเนินงานว่าจะสามารถดำเนินงานได้ ตามแผนงานที่ตั้งไว้ รวมทั้งส่งผลให้สามารถสร้างยอดขายคอนโดมิเนียมได้ตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ 19,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน

“สำหรับแผนการเปิดตัวคอนโดมิเนียมในช่วงครึ่งหลังปี 2555 บริษัทฯ มีแผนการเปิดโครงการใหม่อีก จำนวน 14 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 16,000 ล้านบาท โดยจะทยอยเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ ทั้งในกรุงเทพฯ และในทำเลหัวเมืองต่างจังหวัด อาทิ หัวหิน, ภูเก็ต, ขอนแก่น, เขาใหญ่ และพัทยา เป็นต้น โดยบริษัทตั้งเป้าหมายยอดขาย (พรีเซลล์) โครงการคอนโดมิเนียมในช่วงครึ่งปีหลังไว้ที่ 7,000 ล้านบาท อันจะนำไปสู่เป้าหมายยอดขายที่ได้ตั้งไว้ 19,000 ล้านบาท” นายอุทัย กล่าวเสริม

ด้านมุมมองต่อภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในครึ่งปีหลัง 2555 นายอุทัยกล่าวแสดงความเห็นว่า “ในปี 2555 ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ชัดเจนมากของการเติบโตในส่วนคอนโดมิเนียมที่ไม่ได้เติบโตเฉพาะใน กทม. และปริมณฑล แต่กลับขยายตัวไปยังจังหวัดเศรษฐกิจหลักทั่วประเทศด้วย โดยเฉพาะในตลาดต่างจังหวัด แสนสิริถือเป็นผู้ประกอบการที่เข้าไปทำตลาดให้คึกคักยิ่งขึ้นในทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น หัวหิน ภูเก็ต หรือในอนาคตที่เชียงใหม่ ขอนแก่น และพัทยาก็ตาม ซึ่งเราวางแผนที่จะพัฒนาโครงการในพื้นที่ดังกล่าว ในระยะยาวเช่นเดียวกับที่เราทำให้เขต กทม. และปริมณฑล จากการวิเคราะห์ตลาดโดยรวม พบว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการรายใหญ่ขยายการพัฒนาโครงการไปตามจังหวัดเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน เพื่อดูดซับ กำลังซื้อที่เพิ่มปริมาณขึ้นมาก ทั้งคนในพื้นที่และกลุ่มคนที่ย้านถิ่นฐานไปทำงานก็ตาม ซึ่งเชื่อว่าภายใน ปลายปีนี้ราคาคอนโดที่เกิดขึ้นใหม่จะขยับราคาขายเพิ่มสูงขึ้นตามกระแสความต้องการของตลาด” 

“นอกจากนี้ ล่าสุด แสนสิริ ยังได้เปิดตัวแคมเปญ “วันนี้ พรุ่งนี้ ตลอดไป” เพื่อสร้างการรับรู้ว่าแสนสิริจะมีการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งโครงการคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ในกรุงเทพฯ และจังหวัดหัวเมืองของทุกภาคอย่างยั่งยืนทั้งในวันนี้ พรุ่งนี้ ตลอดไป เพราะเราต้องการเป็นทางเลือกหนึ่งในการยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตของคนทั่วประเทศ ช่วยเหลือเด็กและเยาวชนในจังหวัดต่างๆ ผ่านกิจกรรมเพื่อสังคมหรือ Social Change รวมทั้งกระตุ้นเศรษฐกิจมวลรวมของแต่ละจังหวัดผ่านการลงทุนอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ซึ่งเราเชื่อว่าแคมเปญนี้จะช่วยสร้างความเข้าใจถึงวิถีคิดในการดำเนินธุรกิจของแสนสิริให้ลูกค้าและคนทั่วไปได้อย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรม”