นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในระหว่างการประชุมโต๊ะกลมอาเซียน-ประเทศไทย จัดโดยสภาธุรกิจอาเซียน หรือเอบีซี (ASEAN Business Club) ว่าประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะประสบความสำเร็จหากประเทศสมาชิกร่วมแรงร่วมใจในการสร้างความไว้วางใจในระดับประชาชนทั่วภูมิภาค เขากล่าวย้ำถึงพันธะกรณีของรัฐบาลไทยต่ออาเซียน และได้คำแนะนำถึงวิธีปฏิบัติจะช่วยให้บูรณาการทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคที่แผ่ขยายมากขึ้นสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยได้ เขาได้กระตุ้นให้สภาธุรกิจอาเซียนพัฒนาความสัมพันธ์และความไว้วางใจในระหว่างนักธุรกิจในประเทศสมาชิกอาเซียน และให้พวกเขามีสัมพันธ์มากขึ้นกับผู้กำหนดนโยบาย
สภาธุรกิจอาเซียน ซึ่งเปิดตัวในเดือนตุลาคม 2554 ได้จัดกิจกรรมเป็นครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อวานนี้ โดยจัดการประชุมโต๊ะกลมและงานเลี้ยงอาหารค่ำที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพ โดยมีประธานร่วมของเอบีซีประเทศไทย คือ คุณทศ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด และคุณชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ ร่วมประชุมกับผู้แทนระดับสูงของรัฐบาลไทย ผู้บริหารของธนาคารแห่งประเทศไทย และผู้นำภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจชั้นนำเข้าร่วม คือ คุณพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย คุณพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล ประธานหอการค้าไทยและประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย คุณธวัชชัย ยงกิตติกุล เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย และคุณบัณฑิต นิจถาวร ประธานสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย
สมาชิกของคณะผู้แทนของเอบีซีในปัจจุบันยังประกอบด้วย มร.นาซีร์ ราซัค ประธานบริหาร กลุ่มซีไอเอ็มบี มร.แพทริค วาลูโจ กรรมการผู้จัดการร่วม บริษัทนอร์ธสตาร์ อิควิตี้ พาร์ทเนอร์ส มร.อัซมิล ซารุดดิน กรรมการบริหาร ฝ่ายการลงทุน บริษัทคาร์ซานา นาซิองนาล มร.วิน วิน ทินท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทซิตี้ มาร์ท โฮลดิ้ง จำกัด และมร.จอห์น ปัง ประธานบริหารสภาธุรกิจอาเซียน
คณะผู้แทนของเอบีซีได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นที่น่าสนใจของประชาคมเศรษฐกิจเออีซี และสถานการณ์ธุรกิจในประเทศไทยระหว่างการสนทนาโต๊ะกลมร่วมกันกับผู้แทนระดับสูงของรัฐบาลไทย และผู้นำของสมาคมอุตสาหกรรมและธุรกิจของไทย
“อาเซียน คือ โอกาสทอง” คุณทศ จิราธิวัฒน์ กล่าว “ภาครัฐและเอกชนของอาเซียนควรทำงานร่วมกันเพื่อยกระดับความอยู่ดีกินดีของประชาชนในภูมิภาคนี้ คุณชาติศิริ โสภณพนิช ได้กล่าวสนับสนุนว่า “ความแตกต่างในการพัฒนาของประเทศสมาชิกอาเซียนเป็นโอกาสที่แต่ละประเทศจะมีบทบาทในการสร้างเสริมซึ่งกันและกัน แต่ประเทศสมาชิกต้องค้นหาวิธีการในการทำงานร่วมกัน”
มร.จอร์จ โหย่ว รองประธานกลุ่มเคอร์รี่ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตรัฐมนตรีกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของสิงคโปร์ ได้กล่าวตอนหนึ่งในการปาฐกถาระหว่างการเลี้ยงอาหารค่ำถึงความสำคัญของอาเซียนที่เป็นกลุ่มประเทศที่อยู่ตรงกลางระหว่างประเทศอินเดียและจีน และมีการผสมผสานของวัฒนธรรมจากทั้งสองประเทศ เขากล่าวความสัมพันธ์ที่พอกพูนขึ้นภายในกลุ่มอาเซียนและระหว่างกลุ่มกับอินเดียและจีนจะเป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตของภูมิภาค ซึ่งการที่จะฉวยโอกาสนี้ได้อาเซียนสามารถสร้างบูรณาการในกลุ่มให้เป็นจริงได้ และด้วยการสร้างเครือข่ายทางการค้าและการลงทุนในภุมิภาค ภาคธุรกิจเอกชนมีบทบาทที่เป็นกุญแจสำคัญในการส่งเสริมบูรณาการของภูมิภาคนี้