หรือ Facebook กำลังจะซ้ำรอย MySpace

MySpace เคยเป็นเว็บไซต์กลุ่มสื่อสังคมออนไลน์ที่เป็นดาวรุ่ง และครองใจวัยรุ่นทั่วโลก ด้วยยอดสมาชิกสูงสุดถึง 21 ล้านคน การใช้งานมากกว่า 8 นาทีต่อครั้ง กลายเป็นบริษัทไอทีดาวรุ่งที่น่าจับตามอง ด้วยมูลค่าประเมินสูงถึง 580 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่นั่นก็เป็นแค่เรื่องราวในอดีตที่เคยหอมหวาน ชื่อ MySpace กำลังเลือนหายไปจากความทรงจำของคนทั่วโลกเพียงเพราะวันนี้มีดาวรุ่งดวงใหม่ขึ้นมาแทนที่ และกลายเป็นขวัญใจมหาชนในเวลาอันรวดเร็ว นั่นก็คือ Facebook นั่นเอง

Facebook สื่อสังคมออนไลน์ที่เข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งสมาชิกไป และพลิกหน้าประวัติศาสตร์อินเทอร์เน็ตเข้าสู่ยุค Social Media เต็มรูปแบบเปลี่ยนรูปแบบการสื่อสารออนไลน์ รวมถึงการตลาดผ่านช่องทางดิจิทัลก็พลิกรูปโฉมไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วๆ พอๆ กับพฤติกรรมของผู้ใช้ออนไลน์ที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงทุกเมื่อ เมื่อมีสิ่งที่โดนใจกว่า

บทเรียนที่สำคัญจากความล้มเหลวของ MySpace มีการวิเคราะห์ไว้หลายมุม มุมหนึ่ง คือเรื่องของการปรับตัวด้านบริการ ที่ไม่มีการพัฒนาบริการในช่วงที่เริ่มมีการเปลี่ยนผ่านด้านเทคโนโลยีที่กำลังเปลี่ยนไปในช่วงนั้น การไม่ปรับตัวในช่วงเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้บริการผู้ให้บริการรายอื่นๆ

ความล้มเหลวของ MySpace ในช่วงนั้นก็คือ กลยุทธ์ด้านการพัฒนาสภาพแวดล้อมแบบเปิดให้พันธมิตร สามารถเข้ามามีส่วนร่วมพัฒนาได้ ซึ่งถือเป็นยุคของ API (Application Programming Interface) หรือช่องทางการเชื่อมต่อกับเว็บไซต์ผู้ให้บริการ ที่เป็นตัวกลางให้ผู้พัฒนาอื่นๆ สามารถดึงความสามารถเชื่อมต่อ แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน นึกภาพง่ายๆ ก็บรรดาเกมต่างๆ ที่มีผู้พัฒนา พัฒนาขึ้นมาเชื่อมกับความสามารถและข้อมูลต่างๆ ของสมาชิกใน Facebook ทำให้เกิด Social Game ดังอย่าง FarmVille, CityVille ซึ่งดึงดูดผู้ใช้ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว และต่อยอดเป็น Application อีกมากมายช่วยสร้างกิจกรรมในสังคมของสมาชิกที่ใช้งาน จนติดกันงอมแงม

นั่นเป็นเหตุหนึ่งในการวิเคราะห์อายุของบริษัทกลุ่มเทคโนโลยีที่มักจะตกต่ำลงเมื่อถึงช่วงเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยี และเมื่อเทคโนโลยีเข้าสู่กระแสหลักผู้นำตลาดเดิมจึงมักสูญเสียพื้นที่ให้บริษัทหน้าใหม่ที่โฟกัสในเทคโนโลยีใหม่ซึ่งพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว

ประเด็นที่สอง คือเรื่องของ ความล้มเหลวของด้านการเข้าครอบงำของกลุ่มทุน แผนการเก็บเกี่ยวด้านรายได้ที่รวดเร็วเกินไปทั้งที่ยังไม่ถึงเวลาเก็บเกี่ยว เมื่อครั้ง MySpace ยังคงเป็นดาวรุ่งที่ทุกคนจับตา เมื่อมีการลงทุนเกิดขึ้นการตั้งเป้าของการเก็บเกี่ยวรายได้ ก็เกิดขึ้นในทันทีที่เริ่มลงทุนเช่นกัน ซึ่งผิดกับ Facebook ที่รอเวลาสุกงอมจึงเริ่มต้นเก็บเกี่ยวรายได้จากการโฆษณา แต่เมื่อเก็บเกี่ยวรายได้อย่างเต็มรูปแบบแล้ว ต่อมาก็ถึงคราวต้องมาจัดการความพึงพอใจของผู้ใช้ให้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่จะต้องยอมรับการยัดเยียดการโฆษณารูปแบบต่างๆ ซึ่งผลกระทบโดยตรงต่อการใช้งานของผู้ใช้ ซึ่งตอนหลังเรื่องนี้ถูกแก้ไขด้วยลักษณะโฆษณาแบบไม่ยัดเยียด แฝงตัวมาในรูปแบบที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น ที่เรียกกันว่า Native Advertising

Facebook กำลังจะซ้ำรอย MySpace คำถามที่มักถามกันว่าจะมีอะไรมาแทนที่เฟซบุ๊กหรือไม่ ในไม่ช้านี้ เพราะความหวาดกลัวของนักการตลาดสายดิจิทัล ที่ต้องลงทุนสร้าง Social Media Platform ของตัวเองอายุจะยาวนานแค่ไหน นั่นหมายถึงความคุ้มค่าในการลงทุนสร้าง Owned Media Platform ถ้าหากสามารถใช้งานได้ในระยะยาวก็จะคุ้มค่ากว่า และความต้องการปูพื้นฐานเริ่มสร้าง Social Media ช่องทางอื่นๆ เพื่อปูฐานไว้ก่อนหากเกิดกระแสผู้ใช้กระโจนเข้าใช้งานจนสื่อนั้นเข้าสู่กระแสหลักอย่าง Instagram ในช่วงแรกๆ หรือ Pinterest ที่คนที่กระโจนเข้าไปก่อนมีโอกาสที่มากกว่าในการสร้างฐานแฟนๆ คำถามนั้นเริ่มมีเค้าลางของคำตอบแล้วครับว่า อาจจะเป็นไปได้ว่า Facebook ในระยะยาวอาจจะอยู่ไม่นานอย่างที่คิด

Facebook กำลังอยู่ในช่วงกำลังสูญเสียฐานแฟนในกลุ่มวัยรุ่น ถ้าเคยดูหนัง The Facebook ก็คงจะรู้ว่า จริงๆ ที่เฟซบุ๊กเติบโตมาได้จนถึงทุกวันนี้ก็เพราะฐานแฟนกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งก็คือเด็กมหาลัย ที่ทำให้เครือข่ายสังคมออนไลน์กลายเป็นเครือข่ายสังคมที่แท้จริง

แต่ล่าสุดจากการทำการสำรวจผู้ใช้ในกลุ่มเด็กรุ่นใหม่ (Younger Users) กลับพบสิ่งที่น่าสนใจ เพราะจากฐานผู้ใช้เดิมที่เคยเป็นกลุ่มฐานหลักที่ Facebook บอกว่าเด็กยุคใหม่เสพติดการใช้งาน Facebook ผ่านเว็บไซต์ และบริการผ่านมือถือของตนเป็นอย่างมาก

การสั่นคลอนครั้งนี้เกิดขึ้นด้วยการแทนที่การใช้งานด้วย Social Media ช่องทางใหม่ๆ ที่เจ๋งกว่า และตอบโจทย์ความต้องการของเด็กรุ่นใหม่มากกว่า ซึ่งกลุ่มเด็กรุ่นใหม่ให้ความเห็นเกี่ยวกับ Facebook ว่าเป็น Social Media ที่น่าเบื่อกับการที่ต้องมาอวดวิถีชีวิตของตนเองให้โลกรู้ต่อคนอื่นๆ ที่อาจไม่ใช่แค่เพื่อนของตนเท่านั้น และลดการใช้งานช่องทางนี้ลดลง หันไปใช้บริการ Social Media ช่องทางอื่นๆ ที่สามารถแสดงตัวตนกับเพื่อนได้มากกว่าและมีความเป็นส่วนตัวสูงกว่า ซึ่งจากตัวเลขการสำรวจจาก Survata ได้ตัวเลขการใช้งาน Social Network ในกลุ่มวัยรุ่น 13-18 ปี และ 19-25 ปี กลุ่มนี้เริ่มหันไปใช้งาน Social Media ช่องทางอื่นๆ โดยใช้ Tumblr มากที่สุด มากกว่า Facebook ไปแล้ว ส่วนบริการใหม่ๆ Instagram, SnapChat ซึ่งเป็นการแชร์ชีวิตประจำวัน เนื้อหาต่างๆ มากกว่าการโอ้อวด

ผมว่า Facebook เองต่างก็รู้ถึงจุดนี้ดี การพยายามปรับตัวเพื่อสร้างบริการให้เจ๋งขึ้น เพื่อให้ยากต่อการถูกทดแทนที่ด้วยบริการอื่นๆ ในระยะเวลาอันสั้นนี้ จึงเป็นส่วนสำคัญในการรักษาฐานผู้ใช้กลุ่ม Younger Users ไว้ถึงแม้ว่าเด็กกลุ่มนี้จะเริ่มเปลี่ยนใจไปใช้ช่องทางอื่นมากขึ้น แต่ก็ยังมี Facebook เป็นช่องทางหลักแค่เข้ามาใช้งานลดลง ยังไม่ถึงกับตัดใจเลิกไปซะทีเดียว การซื้อบริการอย่าง Instagram ที่วัยรุ่นชอบ และการเริ่มปรับบริการหลายๆ อย่างในช่วงระยะหลังน่าจะเป็นตัวยืดอายุการครองใจกลุ่มวัยรุ่นได้ดีขึ้น หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ