เฟซบุ๊ก แฟนเพจใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมายในโลกออนไลน์ แต่ที่โดนใจจนมีแฟนติดตามหลักหลายแสนไม่ง่าย เพจหนึ่งที่กำลังโดนใจคนวัยทำงาน “ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด” ใช้ภาพประกอบเป็นลายเส้นกำลังภายในของนักปราชญ์ชาวจีน แต่เมื่อดูสุภาษิตดัดแปลงแบบกวนๆ มันๆ แล้ว ก็ต้องบอกว่า “คิดได้ไง” แค่เปิดเพจแค่ 2 เดือนเท่านั้น ก็โกยยอดไลค์ไปได้กว่า 2 แสนไลค์แล้ว
เฟซบุ๊ก แฟนเพจ เป็นหนึ่งในเครื่องมืออำนวยการสร้าง “คนดังจากโลกออนไลน์” ให้แจ้งเกิดเป็นพลุแตกมานักต่อนักแล้ว เพจในเฟซบุ๊กแรกเริ่มเดิมทีเป็นเพียงแหล่งคอมมูนิตี้เล็กๆ ที่รวบรวมเหล่าบรรดา “คนคอเดียวกัน” ซึ่งจะเห็นเพียงแค่แฟนเพจของศิลปินดารา หรือเซเลบริตี้ที่มีชื่อเสียงของเมืองไทยไว้เท่านั้น เหมือนเป็นบอร์ดรวบรวมข่าวสารสำหรับแฟนคลับโดยเฉพาะ แต่ในช่วงหลังๆ จะเห็นว่ามีแฟนเพจจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นรายวัน และคอนเทนต์ก็จะแตกต่างกันออกไป
ถ้าสังเกตดูเพจที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน สามารถโกย Like & Share ได้สูงๆ คอนเทนต์ส่วนใหญ่จะเป็นสไตล์ “ใช้ภาพเล่าเรื่อง” นั่นคือการมีภาพประกอบ พร้อมมีโควทคำเล็กๆ น้อยๆ โดยเฉพาะคำคม คำพูดโดนๆ ปรัชญา โดยจะเป็นแค่ข้อความสั้นๆ และเนื้อหาจบเพียงแค่ในรูปเท่านั้นพอ เพราะด้วยนิสัยคนไทย ไม่ชอบอ่านอะไรเยอะๆ และชอบอะไรที่เข้าใจง่ายๆ
ที่ผ่านมามีเพจที่มีลักษณะแบบนี้เป็นที่นิยมหลายเพจด้วยกันอย่าง “Jaytherabbit” ที่เล่าเรื่องด้วยการ์ตูนรูปกระต่าย พร้อมกับเรื่องราวที่เรียกได้ว่าแทงใจดำสาวออฟฟิศอย่างสุดๆ ทั้งเรื่องลดความอ้วน การทำงาน และการมีแฟน หรือจะเป็นเพจ “คิดว่าดีก็ทำต่อไป” ที่มีรูปวาดของศิลปินดาราหรือคนที่เป็นกระแสอยู่ในตอนนั้น แล้วใส่มุกตลกหรือข้อความโดนๆ ลงไป
แต่อีกเพจหนึ่งที่มีแฟนเพจจำนวนมากติดตาม คือเพจ “ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด” เพราะแค่เเปิดเพจเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ตอนนี้เป็นเวลาแค่ 2 เดือนเท่านั้น สามารถโกยยอดไลค์ไปได้ถึง 240,716 และมียอด Talking About This 157,207
จุดเด่นที่ทำให้เพจนี้เป็นที่ฮอตฮิต คือ นำเอาคำคม ปรัชญา สุภาษิต มาดัดแปลงให้เป็นมุกตลกโปกฮาได้ในทันที มาพร้อมกับตัวละคร โดยมีภาพประกอบที่เป็นลายเส้นแบบจีนกำลังภายใน เป็นภาพนักปราชญ์ “ชุนวู” ที่ดูเคร่งขรึม แต่เมื่อดูข้อความแล้ว อาจจะต้องอุทานออกมาว่า “คิดได้ไง!”
ยกตัวอย่าง “พูดดีเป็นศรีแก่ปาก พูดมากปากจะเมื่อย” มีคนไลค์ และแชร์ 15,200 คน หรือ “เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ แต่เสือสิบเอ็ดตัวอยู่ซองเดียวกันได้…” มีคนชอบใจกดไลค์และแชร์ 20,000 คนขึ้นไป หรือล่าสุด “คนจะเกรียน เกรียนที่ใจ ใช่ทรงผม” หรือ “เกิดเป็นลูกผู้ชาย ฆ่าได้ฝังให้ด้วย”
ช่วงหลังๆ ได้นำเอาเรื่องใกล้ตัวของหนุ่มๆ อย่างเรื่องฟุตบอล เช่น “อันธรรมดาว่าสงครามจะหมายเอาชนะฝ่ายเดียวไม่ได้ ต้องยอมรู้จักล้มบอลบ้าง” ทำให้แฟนติดตามเป็นหนุ่มๆ ออฟฟิศ มีจำนวนไม่น้อย
“ตอนแรกแค่ทำเล่นๆ กับเพื่อนในออฟฟิศเฉยๆ ปกติจะชอบเอาคำคม สุภาษิตมาแผลงเล่นๆ อยู่แล้ว เลยคิดกันว่าทำเป็นเพจกันเลยดีมั้ย ช่วงแรกก็คนกดไลค์ไม่เยอะ แต่พอเริ่มแชร์ออกไปก็มีคนเข้ามาเพิ่มขึ้นเยอะเลย ” กก – ภัทรพล อินโกมินทร์ หนึ่งในแอดมินดูแลเพจ “ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด” กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของการทำเพจนี้ขึ้นมา
กก ได้เริ่มต้นการทำเพจนี้กับเพื่อนที่ออฟฟิศที่ทำงานประจำด้านแอนิเมชั่นด้วยกันอีก 2 คน โดยช่วงแรกร่วมกันคิดคอนเทนต์กันเอง ให้ออกมาในรูปแบบของความตลก และเข้าถึงได้ง่าย จึงใช้วิธีการนำเสนอแบบ “คำคม” และ “สุภาษิต” แต่นำมาพลิกแพลงใส่มุกตลกเข้าไป ทำให้หลายๆ คนชื่นชอบ และเกิดกันแชร์ออกไปในเฟซบุ๊ก
แต่หลายคนอาจจะสงสัยว่าชื่อเพจไปสัมพันธ์กับคำคม สุภาษิตได้ยังไง? กกให้เหตุผลว่า “เป็นประเด็นแซวกันเล่นๆ ในออฟฟิศ เวลาใครเอาคำคม หรือคำเท่ๆ มาพูด แต่ก็ไม่เห็นทำอะไรได้เลย ก็จะชอบแซวกันว่ารู้เยอะเนอะ เหมือนมีความรู้เยอะแต่ยังเอาตัวเองไม่รอดเลย มันก็ไปสอดคล้องกับสุภาษิตพอดี”
เมื่อเป็นคำคม สิ่งแรกที่ทำให้กกนึกถึงคือ “นักปราชญ์ชาวจีน” สไตล์การนำเสนอทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ สำนวนการพูดคุยที่แทนสรรพนามว่าปราชญ์หรือบัณฑิต ล้วนชวนให้นึกถึง “หนังจีนกำลังภายใน” รูป Profile Picture ประจำเพจจึงเป็นรูป “ซุนวู” ผู้เขียนตำราพิชัยสงคราม เจ้าของหลักการ “รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง” เหตุผลที่เป็นซุนวูเพราะกกเชื่อว่า “ซุนวูน่าจะเป็นนักปราชญ์ที่คนไทยรู้จักกันมากที่สุด”
โดยแรกเริ่มคำคมต่างๆ ที่ถูกโพสต์ในเพจ กกและเพื่อนๆ จะคิดกันเองก่อน เช่น คนเก่งมีอยู่มาก แต่ที่หายากคือคนหาย, ทุกปัญหามีทางออก ทุกทางออกมีปัญหา เป็นต้น แต่เมื่อมีการแชร์ออกไป เริ่มมีแฟนเพจเสนอไอเดียเข้ามาจำนวนมาก ทำให้เพจนี้มีคนเข้าร่วมแชร์ความคิดเห็นทุกวัน เฉลี่ยวันละ 60 – 100 ข้อความ ซึ่งการ Like & Share เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เพจมีการเติบโตแบบก้าวกระโดด กกบอกว่า “ช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นช่วงพีคที่สุด คือมียอดไลค์เพิ่มขึ้นถึงวันละหมื่น!”
ขนาดที่ว่า “เจเดอะแร็บบิท” ซึ่งมักจะนำเรื่องที่อิงกระแสความนิยม ที่คนกำลังพูดถึง ยังนำมุกของเพจความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอดไปใช้ในเพจ “ชายใด เห็นหญิง 30 + สวย ชายนั้นมีสายตาเฉียบแหลม”
ต่อมาเมื่อถูกแชร์ออกไปจำนวนมาก กลายเป็นว่ามีผู้ร่วมสนุก เสนอคำคม สุภาษิตเข้ามา บางอันก็เป็นแค่ประโยคเฉยๆ ซึ่งกกและทีมงานจะมาทำรูปประกอบอีกที แต่บางอันก็แต่งภาพมาแล้วเรียบร้อยสามารถแชร์ต่อได้เลย พร้อมกับสำนวนการพูดว่า “ปราชญ์……….. ได้กล่าวไว้ว่า” เพื่อให้เครดิตกับเฟซบุ๊กของคนที่มาแชร์ข้อความ เช่น ปราชญ์ Yoshi Kok กล่าวไว้ว่า “ดีชั่วอยู่ที่ตัว ทำสูงต่ำอยู่ที่ลำตัว” มีคนกดไลค์และแชร์ 2หมื่นกว่าคน ส่งผลให้เนื้อหาใหม่ๆ และหลากหลายให้แฟนเพจได้ติดตามตลอดเวลา และการเปิดให้แฟนเพจมีส่วนร่วม ยิ่งไปสร้างให้เกิดเป็นเป็นคอมมูนิตี้ที่มีคนติดตามเหนี่ยวแน่น โดยจะอัพข้อความใหม่ทุกวันเฉลี่ยวันละ 1-2 ครั้ง มากที่สุด 4 ครั้ง
กก มองว่า ความสำเร็จมาจาก “คนไทยชอบอะไรที่สนุกๆ ขำ ๆ เพจเราก็เลยไปโดนใจเขา โดยเฉพาะผู้ชาย แต่เราไม่ได้เก็บสถิติจริงจัง แต่คาดว่าคนที่ติดตามเพจเรา เป็นผู้ชาย 80%”
และแน่นอนว่าเพจที่กำลังได้รับความนิยมขนาดนี้ การันตีด้วยยอดไลค์สองแสนภายในสองเดือน! เจ้าของแบรนด์ต่างๆ ล้วนอยากได้พื้นที่สำหรับการเข้าถึงผู้บริโภค หลักการ “ไทร์อิน” อย่างเนียนๆ ก็เป็นตัวเลือกที่นิยมมากที่สุด กกเผยว่า “มีติดต่อเรื่องโฆษณามาบ้าง แต่บางทีก็ไม่ได้คุยอย่างจริงจังอะไร ก็ต้องดูแนวให้เข้ากับเพจเราด้วย เคยมีติดต่อให้เราแชร์วิดีโอตัวหนึ่ง แต่ก็ปฏิเสธไป เพราะคิดว่ามันไม่ใช่สไตล์เพจเรา ขอคีปความเป็นตัวตนเพจเราไว้ดีกว่า แต่ล่าสุดมีคุยกับแบรนด์หนึ่งเป็นแบรนด์อาหาร ซึ่งกำลังตกลงรายละเอียดกันอยู่”
ในปัจจุบันไม่ใช่มีแค่เพจ “ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด” อย่างเดียวเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ ยังมีอีกหลายเพจที่หลายคนต่างขึ้นมากำหนดคอนเทนต์เอง และถูกจริตคนไทยให้ต้อง “ไลค์” และ “แชร์” ต่อ แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าคอนเทนต์นั้นแปลกใหม่และโดนใจแคไหน ต้องใส่ความเป็น “ครีเอทีฟ” เข้าไป ให้เพจนั้นดูสร้างสรรค์อีกด้วย…