ด้วยสภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาส่งผลให้ตลาดเบียร์มีอัตราการเติบโตไม่เป็นตามคาดมากนัก ซึ่งโตเพียงแต่ 1% เท่านั้น จากปกติในปีที่ผ่านๆ มาโตถึงปีละ 7-8% ทั้งนี้นอกจากปัญหาในเรื่องเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบไปถึงทุกๆ ธุรกิจแล้ว ยังมีปัญหาเรื่องการเมือง และเรื่องการเพิ่มภาษีเหล้าเบียร์ 7-8% ที่ส่งผลกระทบด้วยเช่นกัน
แต่ช่วงไตรมาสสุดท้าย ถือเป็นช่วงในการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคมากที่สุด และเป็นช่วงการขายของตลาดเบียร์ก็เช่นเดียวกัน ซึ่งปกติสามารถสร้างยอดขายมากถึง 40% จากทุกไตรมาส ทั้งนี้เป็นเพราะอยู่ในช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองปีใหม่ และเทศกาลลานเบียร์
ในปีนี้เบียร์ช้างจึงต้องหา หมัดเด็ดใหม่ๆ มาจูงใจผู้บริโภค ด้วย ออก Innovation Product เพื่อสร้างสีสันให้ลานเบียร์ และสร้างทางเลือกให้กับผู้บริโภคมากขึ้น โดยร่วมมือกับ F&N หรือ เฟรเซอร์แอนด์นีฟ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอาหารเครื่องดื่มและเบียร์เก่าแก่ จากประเทศสิงคโปร์ที่ไทยเบฟฯ ได้เข้าซื้อกิจการด้วยเงินกว่า 3 แสนล้านบาท เพื่อเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์การรุกขยายอาณาจักรสินค้าในหมวดไม่มีแอลกอลฮอลส์ทั้งในและต่างประเทศ
ไอศครีมรสเบียร์ ถือเป็นสินค้าแรกๆ ที่เกิดขึ้น หลังจากการซื้อกิจการในครั้งนี้ นอกจาก Chang Export Soft Serve ไอศครีมรสเบียร์ แล้ว ยังมี Chang Export Lemon Freeze เบียร์ปั่นกับไอศครีมรสเลมอน นอกจากนี้ยังมีเบียร์รสชาติใหม่อีก 4 รสชาติ คือ ช้างเลมอนแชนดี้ ช้างเบอร์รี่แชนดี้ ช้างฮันนี่มอลต์ ช้างอันฟิลเตอร์
ไอศครีมรสเบียร์นี้เป็นที่พูดถึงในโลกออนไลน์กันพอสมควร เพราะหลายคนอยากลองชิมว่ารสชาติจะออกมาเป็นอย่างไร ที่สำคัญได้สร้างทางเลือกให้กับสาวๆ ที่ไม่ได้ดื่มเบียร์ แต่อยากอยู่ในบรรยากาศของลานเบียร์ ก็สามารถทานไอศครีมรสเบียร์แทนได้
เบียร์ช้างทุ่มงบการตลาด 70 ล้านบาท สำหรับลานเบียร์ 3 ลาน คือ ศูนย์การค้าเอเชียทีค เดอะรีเวอร์ฟร้อนท์ มี 100 โต๊ะ และศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ที่มีถึง 2 ลาน คือ ช้างเอกซ์พอร์ต มี 180 โต๊ะ และช้าง เดอะซีเลคชั่นส์ มี 100 โต๊ะ
ตั้งเป้ายอดจำหน่ายในลานเบียร์รวมทั้ง 3 ลานทั้งหมด 2,400 ถัง (72,000 ลิตร) ในช่วงเวลา 5 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 24 พ.ย. – 31 ธ.ค. 56 เมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่มียอดจำหน่ายทั้งหมด 3,600 ถัง (108,000 ลิตร) แต่มีระยะเวลาที่ยาวกว่าคือเป็นเวลา 2 เดือนเต็มๆ
สรกฤต ลัทธิธรรม ผู้จัดการฝ่ายการตลาดอาวุโส บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวว่า “คาดว่าปีหน้าตลาดเบียร์จะกลับมาเติบโตอีกครั้งเพราะมีเทศกาลบอลฟุตบอลโลก เป็นเทศกาลที่คนรวมตัวมากที่สุดในโลก ซึ่งปกติทุกปีที่มีบอลโลก ยอดขายจะขึ้นประมาณ 25% เทศกาลนี้จะทำให้หลายตลาดคึกคักหมด”