เอ็มจี บริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอังกฤษ สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย กับการแนะนำรถยนต์เอ็มจี6 ทั้งรูปแบบรถยนต์นั่งและรถฟาสต์แบ็ค 5 ประตู รถยนต์เอ็มจี6 จะทำการผลิตที่โรงงานประกอบรถยนต์ของเอ็มจี ซึ่งตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราช อีสเทิร์น ซีบอร์ด ในจังหวัดชลบุรี บนพื้นที่กว่า 30 ไร่ ซึ่งทำการก่อสร้างด้วยงบประมาณ 9,000 ล้านบาท และมีความสามารถในการผลิตรถยนต์ได้ถึง 50,000 คันต่อปี
มร. หวู่ ฮวน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ระบุว่าการผลิตรถยนต์เอ็มจี6 นั้น จะมีการใช้ชิ้นส่วนในประเทศไม่น้อยกว่า 40% เพื่อทำการจำหน่ายในประเทศและตลาดส่งออก
“เอ็มจีวางแผนที่จะส่งออกรถยนต์ที่ผลิตในประเทศไทยไปยังประเทศที่ใช้งานรถยนต์พวงมาลัยขวาทั่วโลก ซี่งจะทำให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นฐานการผลิตรถยนต์พวงมาลัยขวาของเอ็มจี และเราจะเดินหน้าแผนการตลาดสำหรับการส่งออก เพื่อสนับสนุนการผลิตรถยนต์ในโรงงานแห่งนี้” นายหวู่กล่าว
ด้วยการติดตั้งแนวคิดความสนุกสนานในการขับขี่ที่เรียกว่า “บริท ไดนามิก” (Brit Dynamic) ซึ่งเป็นการประกอบกันของคุณลักษณะที่สำคัญ 4 ประการ อันประกอบไปด้วย สมรรถนะ, การควบคุมรถ, การออกแบบและความปลอดภัย สู่การเป็นเป็นรถยนต์ที่มีความน่าสนใจ เอ็มจี6 เป็นตัวอย่างที่ดีของการที่จิตวิญญาณนักขับถูกผสานเข้ากับวิศวกรรมจากสนามแข่ง ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือยนตรกรรมที่ให้สมรรถนะที่โดดเด่น การออกแบบที่ปราศจากข้อติ การควบคุมที่เน้นให้นักขับเป็นศูนย์กลาง และความปลอดภัยระดับสากล
ขุมกำลังของรถยนต์คันนี้มาจากเครื่องยนต์ทีซีไอ-เทค 1.8 ลิตรที่มาพร้อมเทอร์โบชาร์จและอินเตอร์คูลเลอร์ ที่ให้พละกำลังสูงสุด 118 กิโลวัตต์ (161แรงม้า) ที่ 5,500 รอบต่อนาทีและให้แรงบิดสูงสุด 215 นิวตันเมตรที่รอบเครื่องยนต์ต่ำเพียง 2,500 รอบต่อนาที ที่ทำให้เอ็มจี6 มีความยืนหยุ่นที่เป็นเยี่ยม
เครื่องยนต์อลูมิเนียมแท้ทั้งเครื่อง มาพร้อมระบบจ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีดมัลติพอยท์เอ็มเอฟไอ (Multipoint Fuel Injection) และวาล์วแปรผันอัจฉริยะ DVVT(Double Variable Valve Timing) ระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำแบบรถแข่ง และระบบการจัดการเครื่องยนต์เจนเนอเรชั่นใหม่ EMS6204 ส่งกำลังอย่างลื่นไหลด้วยระบบ Dual Clutch Transmission (DCT) 6 สปีด พร้อมระบบเกียร์แพดเดิลชิฟท์ที่ติดตั้งอยู่ที่พวงมาลัย เพื่อเพิ่มความสนุกสนานในการขับขี่และความปลอดภัยที่เหนือไปอีกขั้น ระบบเกียร์อัจฉริยะช่วยลดระยะเวลาในการเปลี่ยนเกียร์ลงเหลือเพียง 0.2 วินาทีเท่านั้น และยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการประหยัดน้ำมันอีกต่างหาก
เอ็มจี6 นับเป็นรถยนต์รุ่นเดียวในรถยนต์ระดับนี้ที่มาพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ ซึ่งทำให้เครื่องยนต์ 1.8 ลิตรรุ่นนี้ สามารถให้พละกำลังและแรงบิดได้เทียบเท่ากับเครื่องยนต์รุ่นปกติขนาด 2.0 ลิตร นอกจากนี้ เครื่องยนต์รุ่นนี้ยังรองรับการใช้งานน้ำมันเชื้อเพลิงอี20 ได้เช่นกัน นอกเหนือไปจากการให้สมรรถนะที่เร้าใจ เอ็มจี6 ยังนำเสนอการประหยัดน้ำมันที่ยอดเยี่ยม และมีความโดดเด่นในเรื่องของระดับการปล่อยไอเสียแชสซีที่ออกแบบมาโดยมุ่งเน้นที่ความสปอร์ตของเอ็มจี6 ให้มาตรฐานการขับขี่ในแบบรถยนต์ยุโรป ด้วยการควบคุมรถที่แม่นยำ รวมไปถึงความมีเสถียรภาพของรถที่ความเร็วสูง ความสำเร็จเหล่านี้เกิดจากการจูนตัวถังที่เหมาะสม รวมไปถึงการใช้เหล็กกันโคลงขนาดใหญ่ ที่ช่วยรักษาความสามารถในการสนับสนุนการขับขี่ของตัวรถในการเข้าโค้งอย่างรุนแรง
ระบบรองรับแรงสั่นสะเทือนที่ปรับจูนมาอย่างพอเหมาะ เพื่อสร้างสมดุลที่ดีระหว่างการอัดและการคืนตัวของโช๊คอัพ ช่วงล่างแบบอิสระของเอ็มจี6 ประกอบไปด้วยช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สัน สตรัทและช่วงล่างมัลติลิงค์แบบซี-ไทป์ที่ด้านหลัง มาพร้อมระบบช่วยลดการสั่นสะเทือนที่ยืดหยุ่นตามความเหมาะสมในการใช้งาน ทั้งหมดนี้จะช่วยในเรื่องของการบังคับควบคุมรถที่แม่นยำและเพิ่มความพึงพอใจในการขับขี่ ขณะเดียวกัน ก็ช่วยรักษาเสถียรภาพระดับสูงของตัวรถ
การออกแบบที่แสดงให้เห็นถึงความหลงใหลแบบยูโรเปียนของเอ็มจี6 สร้างบรรยากาศแห่งความเคลื่อนไหวของตัวรถ แม้แต่ในยามที่รถจอดนิ่งสนิทสปอยเลอร์ที่ออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ มาพร้อมระบบ Air-Flow Tuner Plus ให้สมรรถนะตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการประหยัดน้ำมันอย่างเหนือชั้นล้ออัลลอยมีให้เลือกทั้งแบบ 17 นิ้วและ 16 นิ้ว เสาอากาศรูปทรงครีบฉลามออกแบบแบบยูโรเปียน ได้รับการติดตั้งมาบนหลังคาของรถทุกคันห้องโดยสารภายในให้ความดึงดูดทั้งในเรื่องของรายละเอียดการออกแบบและความกว้างขวางของห้องโดยสาร สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดการออกแบบเชิงบูรณาการแบบไดนามิกของเอ็มจี เอ็มจี6 ได้พัฒนาเพื่อให้มีพื้นที่ภายในที่กว้างขวาง โดยเฉพาะในส่วนของพื้นที่วางขาและพื้นที่ส่วนไหล่ของผู้โดยสาร เพื่อช่วยสร้างบรรยากาศการขับขี่ที่สะดวกสบาย
ในรุ่นฟาสต์แบ็ค 5 ประตูนั้น พื้นที่บรรทุกสัมภาระได้ถูกขยายเพิ่มเติมเป็น 472 ลิตร พร้อมระบบพับเบาะที่นั่งตอนหลังเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้ทางด้านความปลอดภัยนั้น เอ็มจี6 มาพร้อมนวัตกรรมการออกแบบตัวถัง USD (Ultimate Stiffness Design) ที่โครงสร้างของตัวรถกว่า 63% ถูกสร้างขึ้นมาด้วยโลหะที่มีความแข็งแกร่งและโลหะที่มีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษ ซึ่งทำให้รถคันนี้ผ่านมาตรฐานการทดสอบการชนของยุโรประดับ 5 ดาวเลยทีเดียวระบบช่วยเหลือทางด้านความปลอดภัย 10 ระบบถูกติดตั้งอยู่ในรถยนต์เอ็มจี6 ซึ่งก็รวมถึงระบบช่วยควบคุมแรงเบรกเมื่อรถไถลลื่น (VSC – Vehicle Stability Control) ระบบเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่โดยลดการลื่นไถล (TCS – Traction Control System) ระบบป้องกันการลื่นเมื่อเร่งความเร็ว (MSR – Motor Control Slide Retainer) ระบบช่วยควบคุมแรงดันถังเบรก (CBC – Cornering Brake Control) ระบบช่วยกระจายแรงเบรค (EBD – Electronic Brake Distribution)ระบบป้องกันล้อล็อคขณะเบรคฉุกเฉิน (ABS – Anti-lock Braking System) ระบบตรวจสอบแรงดันยางรถยนต์อัจฉริยะ (ITPMS – Indirect Monitor Tire System)ระบบทำความสะอาดจานเบรคอัจฉริยะ (BDC – Brake Disc Cleaning) ระบบควบคุมการเบรคฉุกเฉิน (BA – Brake Assist) และระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (HAS – Hill Start Assist System)
ในรุ่นท๊อปยังมาพร้อมกับถุงลมนิรภัย 4 ตำแหน่ง ประกอบไปด้วยถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้า และถุงลมนิรภัยด้านข้าง ที่ติดตั้งอยู่ที่ตำแหน่งเบาะผู้โดยสารตอนหน้าที่ได้รับการออกแบบเพื่อรองรับน้ำหนักผู้โดยสารโดยเฉพาะรถยนต์เอ็มจี6 เปิดตัวในประเทศไทยพร้อมกัน 2 รูปแบบตัวถัง ได้แก่ ตัวถังสปอร์ตตี้ ฟาสต์แบ็ค 5 ประตู และแบบซีดาน 4 ประตู โดยในรุ่นฟาสต์แบ็คจะแบ่งเป็น 2 รุ่นย่อย (เอ็กซ์และดี) ขณะที่ในรุ่นซีดานจะมี 3 รุ่นย่อยให้เลือก (เอ็กซ์, ดีและซี) เอ็มจี6 สปอร์ตตี้ ฟาสต์แบ็ค ทั้งรุ่นเอ็กซ์และดี จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร เทอร์โบชาร์จเจอร์ วางราคาจำหน่ายที่ 1,108,000 บาท และ 968,000 บาท ตามลำดับ
ขณะที่เอ็มจี6 ซีดาน รุ่นเอ็กซ์และดี จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร เทอร์โบชาร์จเจอร์เช่นกัน และวางราคาจำหน่ายที่ 1,098,000 บาท และ898,000 บาท ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ในรุ่นเอ็มจี6 ซีดาน ซี จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 1.8 ลิตรแบบธรรมดา โดยวางราคาจำหน่ายที่ 848,000 บาท
บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ตั้งเป้าหมายที่จะจำหน่ายเอ็มจี6ไว้ทั้งสิ้น 2,000 คัน ในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 30 รายทั่วประเทศได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ และพร้อมที่จะเดินหน้าทำตลาดได้ในปีนี้ โดยตัวแทนจำหน่าย 9 แห่งแรกพร้อมที่จะเปิดให้บริการในวันที่ 1 กรกฎาคม 2557 ตัวแทนจำหน่ายอีก 16 แห่งจะเปิดให้บริการในเดือนสิงหาคม เอ็มจีเชื่อว่าเพื่อการสร้างการเติบโตทางธุรกิจในระยะยาว การพัฒนาเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายให้เข้มแข็งจะเป็นหลักการที่สำคัญในการสร้างความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า และจะเป็นการสร้างความเข้มแข็งของตราสินค้าในประเทศไทย
รถยนต์เอ็มจี6 พร้อมแล้วที่จะเปิดรับจองอย่างเป็นทางการนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ซึ่งเอ็มจีได้เตรียมข้อเสนอที่ดีที่สุดเพื่อมอบให้กับลูกค้าที่ตัดสินใจเป็นเจ้าของรถ ด้วยการมอบบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (MG Roadside Assistance) บริการช่วยเหลือที่จุดบริการ (MG Mobile Service) และการรับประกันคุณภาพของสินค้านานถึง 4 ปีหรือ 120,000 กิโลเมตรในส่วนของการให้บริการหลังการขายนั้น เอ็มจีได้ทำการเปิดศูนย์กระจายอะไหล่ (Parts Distribution Center) ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนบางนา-ตราด กม.19 ซึ่งได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีล่าสึดสำหรับการจัดเก็บและขนส่งอะไหล่รถยนต์ บนพื้นที่กว่า 5,000 ตารางเมตร สามารถจัดเก็บอะไหล่ที่มีความแตกต่างกันได้มากกว่า 2,500 ชนิด ที่พร้อมส่งมอบให้กับลูกค้าทั่วประเทศไทยตลอด 24 ชั่วโมง
“ศูนย์แห่งนี้ได้รับการติดตั้งอุปกรณ์ อะไหล่ พนักงานและระบบต่าง ๆ อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อให้สามารถรองรับการให้บริการตามความต้องการของลูกค้าอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ สิ่งนี้จะช่วยลดระยะเวลาในการรออะไหล่ลงไปได้ โดยศูนย์แห่งนี้มีเป้าหมายที่จะรองรับความต้องการของพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายหวู่กล่าวเสริม
สำหรับศูนย์บริการและศูนย์ฝึกอบรมของเอ็มจี (MG Service Center and Training Center) ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนอ่อนนุชนั้น ได้ก่อตั้งเป็นที่เรียบร้อยและเปิดดำเนินการแล้วเช่นกัน