การกลับมาสู่ตลาดมือถืออีกครั้งของ เบนคิว บริษัทไอที สัญชาติไต้หวัน ที่เคยได้เข้าซื้อกิจการแบรนด์โทรศัพท์มือถือ Siemens สัญชาติเยอรมัน ในปี 2005 เพื่อขยายตลาดสู่ทวีปยุโรป พร้อมใช้ชื่อแบรนด์ว่า BenQ-Siemens
แต่เมื่อดำเนินธุรกิจภายใต้แบรนด์ใหม่ได้เพียง 3 ปีเท่านั้น ก็ต้องยุติธุรกิจด้านโทรศัพท์มือถือ เพราะมีปัญหาทางด้านการเงิน และในความแตกต่างด้านวัฒนองค์กรของบริษัทยุโรป และเอเชีย
นับว่าเป็นเวลาถึง 7 ปีที่เบ็นคิวได้ห่างหายจากตลาดสมาร์ทโฟนไปตั้งแต่ปี 2008 โดยการกลับมาในสังเวียนสมาร์ทโฟนใหม่ในครั้งนี้ ในสภาวะการแข่งขันในตลาดอันดุเดือด แต่เบ็นคิวมองช่องว่าง และสร้างโอกาสในเซ็กเม้นต์เครื่อง 4G LTE
พัทธกร พรศิริธิเวช ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย บริษัท เบ็นคิว (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปีนี้มีสมาร์ทโฟนเปิดตัวกันหลายแบรนด์มาก ทำให้การแข่งขันในตลาดสูงขึ้นและคึกคักกว่าปีก่อนๆ ตอนนี้ตลาดเป็นของผู้ซื้ออย่างแท้จริง การกลับมาใหม่ของเบ็นคิวจึงเน้นเรื่องราคา ที่เริ่มต้น 4,990 – 7,990 บาท และเสป็คเครื่อง โดยเฉพาะตลาดเครื่อง 4G LTE ยังเป็นตลาดเล็กมาก และยังไม่มีผู้เล่นเท่าไหร่นัก จึงมองช่องว่างตรงนี้ และทำตลาดอย่างจริงจัง ตั้งเป้าเป็นผู้นำในตลาดเครื่อง 4G LTE ภายในปีหน้า หรือมีส่วนแบ่งการตลาด 10-15%
โดยที่เหตุผลหลักที่เบ็นคิวหวนคืนสังเวียนสมาร์ทโฟนนั้นมีอยู่ 2 ประการ คือ
1. การเติบโตของตลาดสมาร์ทโฟน ทางเบ็นคิวมองเห็นโอกาส และอัตราในการเติบโตในตลาดค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ ในเครือเบ็นคิว อย่างจอ LED หรือหน้าจอโปรเจ็คเตอร์ จะมีการเติบโตต่ำ และคงที่
2. ใช้จุดแข็งจากการเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนให้หลายแบรนด์ โดยที่ 80% ของสมาร์ทโฟน 1 เครื่อง มีการผลิตโดยเบ็นคิวเช่น หน้าจอ หรือวัสดุอื่นๆ ทำให้มี Know how ในการผลิต
ในปีนี้เบ็นคิวได้ทดลองตลาดในประเทศไทยด้วยสมาร์ทโฟนในระดับกลาง-ล่างก่อน มีการออกด้วยกัน 3 รุ่น ราคาเริ่มต้นที่ 4,990 – 7,990 บาท
จากนั้นในปีหน้าจะเสริมทัพด้วยสมาร์ทโฟนในทุกระดับ จำนวน 15 รุ่น ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 2 พัน ไปจนถึงราคาหมื่นปลายๆ
ปีนี้วางงบการตลาดไว้ที่ 10 ล้านบาท โดยเน้นที่ช่องทางออนไลน์เป็นหลัก หรือคิดสัดส่วน 60% และการสื่อสารผ่านบล็อกเกอร์ 40% ตั้งเป้าทำภาพยนตร์โฆษณาในปีหน้า