“ซิงเกอร์” เจ้าของแบรนด์ ขายเครื่องใช้ไฟฟ้าเงินผ่อนเก่าแก่ เปิดเผยถึงรายได้ ปี 57 ปิดที่ 3.6 พันล้านบาท ต่ำสุดในรอบ 7 ปี ดิ้นปรับทิศธุรกิจอีกครั้ง หันมามุ่งขายสินค้าเชิงพาณิชย์เป็นหลัก ลดสินค้าภายในบ้าน เจาะตลาดบีทูบี เพิ่มทีมธุรกิจใหม่จับฐานโรงงาน เท 50 ล้านบาทปรับโฉมซิงเกอร์ชอป 60 สาขา สู่ฟอร์แมต 2 ภาษารับเออีซี หวังปี 58 ยังโตได้อีก 10%
จากการเปิดเผยของ บุญยง ตันสกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซิงเกอร์ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) ระบุถึง ภาพรวมรายได้ในปี 2557 คาดว่าจะปิดบัญชีที่ 3.6 พันล้านบาทเท่ากับปี 2556 ซึ่งแม้จะถือเป็นรายได้ที่ไม่ตก แต่ก็เป็นปีที่แย่สุดในรอบ 7 ปีของบริษัทฯ เนื่องจากเหตุผลสำคัญคือราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ โดยเฉพาะราคาข้าวและยางพาราตกต่ำลงจากเดิมไม่ต่ำกว่า 50% นอกจากนี้ยังมีภัยธรรมชาติเกิดขึ้นอย่างเช่นน้ำท่วม ทำให้ลูกค้าของซิงเกอร์ส่วนใหญ่ที่เป็นกลุ่มรากหญ้าและอยู่ในต่างจังหวัดมีกำลังซื้อลดลง
“ปัจจัยลบเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อรายได้ในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านของซิงเกอร์ลดลงมากกว่า 10% แต่กลุ่มสินค้าเชิงพาณิชย์ อย่างเช่น ตู้แช่ ตู้เติมเงิน และตู้หยอดเหรียญต่างๆ ยังมีอัตราการเติบโตได้ดีอยู่ โดยสามารถแบ่งสัดส่วนรายได้ออกเป็น กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน 40% และกลุ่มสินค้าเชิงพาณิชย์ 60%”
ในปี 2558 บริษัทฯ จึงวางแผนการดำเนินธุรกิจในเชิงรุกมากขึ้น โดยจะให้ความสำคัญต่อกลุ่มสินค้าเชิงพาณิชย์มากขึ้นและลดความสำคัญสินค้าในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านลง พร้อมปรับสัดส่วนรายได้จากสินค้าเชิงพาณิชย์เป็น 70% และลดรายได้จากเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเหลือเพียง 30%
ล่าสุดจะมีการเพิ่มทีมงานทางด้านธุรกิจใหม่เพื่อดูแลช่องทางการขายแบบบีทูบี หรือองค์กรต่อองค์กร เพื่อเจาะกลุ่มฐานลูกค้าโรงงานโดยเฉพาะ พร้อมเน้นจำหน่ายสินค้าเชิงพาณิชย์แบบครบวงจรซึ่งถือเป็นตลาดที่ใหญ่และมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี
สำหรับกลุ่มสินค้าเชิงพาณิชย์ที่จะมีการจำหน่ายมากยิ่งขึ้น ประกอบด้วย ตู้เติมเงินโทรศัพท์มือถือหยอดเหรียญ จากเดิมมีอยู่ 5 หมื่นจุดทั่วประเทศ จะเพิ่มเป็น 1 แสนตู้ภายใน 5 ปี หรือเพิ่มขึ้นปีละ 1 หมื่นตู้ โดยภายในไตรมาสหนึ่งจะมีการเติมซอฟต์แวร์การจ่ายบิลค่าบริการต่างๆ เพิ่มเข้าไปเพื่อให้ลูกค้าใช้บริการได้หลากหลายมากขึ้น
ส่วนตู้เติมน้ำมันหยอดเหรียญจากเดิม 6 พันตู้ในปี 2557 ซึ่งถือว่ามากสุดในประเทศไทย จะเพิ่มเป็น 3 หมื่นตู้ภายใน 5 ปี โดยในส่วนนี้บริษัทฯ ยังลงทุนอีก 10 ล้านบาทเพื่อเพิ่มรถปิกอัพอีก 4 คันจากเดิมที่มีอยู่ 6 คันสำหรับขนส่งน้ำมันเพิ่มใน 4 จังหวัดคือ กำแพงเพชร นครสวรรค์ สุโขทัย และภูเก็ต ซึ่งมีตู้น้ำมันหยอดเหรียญมากที่สุดด้วย โดยยังจะเพิ่มจำนวนรถปิกอัพทั่วประเทศให้ได้ 100 คันภายใน 2 ปี
นายบุญยงกล่าวด้วยว่า เนื่องจากปี 2558 ถือเป็นปีที่ประเทศไทยเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี บริษัทฯ จึงพร้อมใช้งบประมาณอีกกว่า 50 ล้านบาทสำหรับการปรับโฉมร้านซิงเกอร์จำนวนเบื้องต้นประมาณ 60 สาขาจากทั้งหมดทั่วประเทศที่เปิดให้บริการอยู่ 217 สาขา โดยกว่า 44 สาขาเป็นสาขาที่อยู่ในจังหวัดชายแดน ทั้งกัมพูชา ลาว และพม่า โดยจะปรับสู่รูปแบบร้านที่ให้บริการ 2 ภาษาเพื่อรองรับกำลังซื้อจากประเทศเพื่อนบ้านหลังเปิดเออีซี ส่วนอีก 26 สาขาจะเป็นการปรับโฉมการวางสินค้าใหม่ โดยเพิ่มดิสเพลย์สินค้าเชิงพาณิชย์เข้ามามากยิ่งขึ้น โดยเชื่อว่าจากแผนธุรกิจที่กล่าวมาจะทำให้ปี 2558 บริษัทฯ จะมีรายได้เติบโตขึ้นอย่างน้อยอีก 10%
ที่มา : manager.co.th
http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9580000001395