สหพันธรัฐรัสเซียพร้อมนำเสนอแผนงานการก่อสร้างทางรถไฟในหลายประเทศของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า สหพันธรัฐรัสเซีย นาย ดินิส มานโทรอฟ กล่าวระหว่างการเดินทางเยือนประเทศเวียดนาม และไทยอย่างเป็นทางการ ร่วมกับคณะซึ่งนำโดยนายกรัฐมนตรีของสหพันธรัฐรัสเซีย นาย ดมิทรี เมดเวเดฟ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา
“บริษัทรัสเซียหลายบริษัทมีความพร้อมที่จะนำเสนอแพ็กเกจโครงการก่อสร้างทางรถไฟ ซึ่งเป็นแผนสำเร็จรูป อันประกอบด้วย แผนงบประมาณการก่อสร้าง รูปแบบการดำเนินงาน เทคโนโลยี และข้อเสนอต่างๆ ที่เอื้อประโยชน์ต่อการก่อสร้างทางรถไฟ” นาย ดินิส มานโทรอฟ กล่าว “ตัวอย่างเช่น เราสามารถสนับสนุนตู้รถไฟ หรือจัดตั้งโรงงานประกอบตู้รถไฟในประเทศไทย ขณะนี้เราได้นำเสนอแพ็กเกจรูปแบบเดียวกันให้แก่ประเทศเวียดนาม ในกรอบการดำเนินการก่อสร้างทางรถไฟเชื่อมระหว่างสาธารณะประชาธิปไตยประชาชนลาว ประเทศเวียดนามและเป็นเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียนเชื่อมเข้ากับประเทศไทย”
หนึ่งในความมุ่งหวังของโครงการความร่วมมือร่วมมือระหว่างรัสเซีย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือการการก่อสร้างพัฒนา และการให้ความช่วยเหลือในการดำเนินงานหลังจากการก่อสร้างแล้วเสร็จ รวมถึงการมีส่วนร่วมในการสร้างสาธารณูปโภคที่จำเป็นในการขนส่งถ่านหินบนเกาะกาลีมันตันของประเทศอินโดนีเซียอีกด้วย ทั้งนี้โครงการก่อสร้างทางรถไฟบนเกาะกาลิมันตันได้รับการสนับสนุนจากการรถไฟสหพันธรัฐรัสเซียและบริษัทบ้านปูของไทย
ทั้งนี้ ระหว่างการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของท่านนายกรัฐมนตรีของสหพันธรัฐรัสเซีย นาย ดมิทรี เมดเวเดฟ เมื่อวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา ได้มีการลงบันทึกความร่วมมือระหว่างการรถไฟของสหพันธรัฐรัสเซีย กับบริษัทบ้านปูในการร่วมมือกันในโครงการที่จะเกิดขึ้นในอินโดนีเซีย
ความโดดเด่นของโครงการนี้คือการที่ประธานาธิบดีของสหพันธรัฐรัสเซียนายวลาดิเมียร์ ปูติน กับนายโจโก วิโดโด นายกรัฐมนตรีของประเทศอินโดนีเซีย ได้พบปะหารือระหว่างการประชุมเอเปคซัมมิท (APEC Summit) ในเมืองเซี่ยงไฮ้ เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2557 ที่ผ่านมา หลังจากการหารือได้มีการนำมติซึ่งรวมถึงโครงการดังกล่าวบรรจุไว้ในแผนพัฒนาประเทศระยะกลางของประเทศอินโดนีเซีย และจะดำเนินการติดตามผลการทำงาน และให้ความสนับสนุนที่จำเป็นโดยรัฐบาลของประเทศอินโดนีเซียต่อไป
มูลค่าการลงทุนที่จะเกิดขึ้นภายในปี พ.ศ 2569 คาดว่าจะสู่งถึง 2.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยที่ร้อยละ 75 จะถูกใช้เพื่อการดำเนินการก่อสร้างเส้นทางรถไฟ
ขอบเขตของการดำเนินโครงการจะรวมการก่อสร้างเส้นทางรถไฟระยะทาง 190 กิโลเมตร โกดังสำหรับจัดเก็บถ่านหิน สถานีขุดเจาะถ่านหินในทะเล โรงงานไฟฟ้า และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวกับการดำเนินโครงการอื่นๆ
นอกเหนือไปจากนั้น เรายังกำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการร่วมมือกับพันธมิตรจากแอฟริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศโมซัมบิก โดยความร่วมมือกับการรถไฟสหพันธรัฐรัสเซียและบริษัทบ้านปู ทั้งนี้ ในปี 2559 จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างทางรถไฟ ณ ท่าเรือน้ำลึกสำหรับขุดเจาะแร่ธรรมชาติในเมืองมาคิวส์ และเส้นทางรถไฟระหว่างเมืองมาคิวส์ และเมืองเทท นี้จะใช้เพื่อเป็นช่องทางการคมนาคมคุณภาพสูงในการขนส่งถ่านหินในเมืองดังกล่าวต่อไป