พบนักการตลาดหันมาเล็งชาวมิลเลเนียลมากขึ้น หลังจากที่เคยให้ความสำคัญต่อนักจับจ่ายใช้สอยชาว Baby Boomer มาหลายสิบปี
โดยมีการเผยพฤติกรรมการใช้จ่ายของสองเจเนอเรชันออกมาเปรียบเทียบกัน และพบว่า ในคนสองรุ่นนี้มีพฤติกรรมหลายอย่างที่คล้ายคลึงกัน เช่น การใช้คูปองส่วนลด และการจัดโปรโมชันลดราคา ที่คนต่างวัยต่างให้ความสนใจพอๆ กัน
นอกจากนั้น ยังพบว่าแม้จะมีวัยที่แตกต่าง แต่นักจับจ่ายทั้งสองรุ่นต่างสามารถเลือกหาสินค้าออนไลน์ได้ไม่แพ้กัน และที่สำคัญ ถึงจะมีอายุแตกต่างกันหลายสิบปี แต่มีการสำรวจพบว่า เพศหญิงของ Baby Boomer (82 เปอร์เซ็นต์) และเพศหญิงชาว Millennial (83 เปอร์เซ็นต์) ชื่นชอบการแชร์สิ่งของที่พวกเธอซื้อมาบนโซเชียลมีเดียไม่แพ้กันเลย และแพลตฟอร์มยอดนิยมหนีไม่พ้น ทวิตเตอร์ (Twitter) เฟซบุ๊ก (Facebook) และอินสตาแกรม (Instagram) นั่นเอง
อย่างไรก็ดี สิ่งที่แตกต่างกันระหว่างคนสองรุ่นก็มีเช่นกัน หนึ่งในนั้นคือ ความสามารถในการใช้อุปกรณ์ดิจิตอล นั่นก็คือ แม้ว่าคนทั้งสองรุ่นจะมีอุปกรณ์ดิจิตอลใช้ แต่พบว่า ชาวมิลเลเนียลจะใช้ได้คล่องกว่า และมีการหาข้อมูลก่อนการซื้อมากกว่า ส่วนชาว Baby Boomer แม้จะมีอุปกรณ์ดิจิตอล แต่การใช้อุปกรณ์ดังกล่าวในฐานะของเครื่องมือช่วยในการชอปปิ้งนั้นมีน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ความแตกต่างอีกด้านที่พบมากชาวมิลเลเนียลคือ การได้รับอิทธิพลในการซื้อจากการพูดปากต่อปาก ทั้งจากโซเชียลมีเดีย ครอบครัว เพื่อน คิดเป็น 82 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ชาว Boomer นั้น จะซื้อเพราะสื่อโฆษณาบนเว็บไซต์ต่างๆ และพนักงานขายมากกว่า
ในด้านราคาก็พบว่า ไม่สามารถใช้ราคามาดึงดูดใจชาว Boomer ได้เท่ากับเหล่ามิลเลเนียล เพราะชาว Boomer มีแบรนด์ที่ตนเองชื่นชอบอยู่แล้ว ส่วนเด็กๆ ชาวมิลเลเนียลจะตรงกันข้ามเนื่องจากให้ความสนใจต่อราคาสินค้าที่จะต้องจ่ายอยู่พอสมควร
สิ่งที่นักการตลาดได้รับคำแนะนำในการสร้างแคมเปญการตลาดเพื่อคนสองวัยจึงเป็นการผนวกโซเชียลมีเดียลงในแคมเปญของพวกเขาด้วย เช่น เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ รวมถึงการให้ความสำคัญต่อเครื่องมือในการชอปปิ้งแบบดิจิตอล และดิจิตอลคูปอง
