กลายเป็นกระแสสุดร้อนแรงบนโซเชียลมีเดีย เมื่อมีการแชร์คลิปวิดีโอสุดเซ็กซี่ในแคมเปญ “Playboy VS Yamaha R-Series” ของ 4 สาวบันนี่เพลย์บอย” ที่ได้ไปปรากฏตัวบริเวณสี่แยกใหญ่กลาง ใจเมือง พร้อมปฏิบัติการสร้างเซอร์ไพร์สให้แก่หนุ่มๆ ที่ขี่มอเตอร์ไซค์ R-series ผ่านมาด้วยการให้บริการ สุดพิเศษ ความฮอตของคลิปวิดีโอนี้การันตีด้วยยอดวิวในสื่อโซเชียลมีเดียรวมกันกว่า 7 แสนวิว และยอด Impression กว่า 40 ล้านวิว ภายใน 10 วันเท่านั้น
ปฎิเสธไม่ได้ว่าความสำเร็จครั้งนี้ การวางกลยุทธ์ผสมผสานการใช้สื่อออฟไลน์และออนไลน์มาเป็นอย่างดีของยามาฮ่าและแฟนคลับที่เหนียวแน่นของ Bunny สุดฮอตจากเพลย์บอย
เมื่อมาเจาะลึกถึงแคมเปญนี้แล้วพบว่านอกจากจะเป็นการทำคลิปไวรัลแบบ Candid แล้ว ยังแฝงการสื่อสารถึงผู้บริโภคในเชิง “อีโมชั่นนอล” นอกจากลูกค้าจะได้ขี่รถที่สมรรถนะสูง สไตล์ Racing อีกทั้งยังได้ภาพลักษณ์เป็นคนที่มีเทสต์ดี และเท่ ขนาดที่ทำให้บันนี่เพลย์บอย ซึ่งเป็นตัวแทนของสาวๆ เจ้าเสน่ห์ยังให้ความสนใจ ซึ่งถือว่าเป็นแคมเปญออนไลน์แบบอีโมชั่นนอลเป็นครั้งแรกของยามาฮ่าอีกด้วย
ในแวดวงตลาดยานยนต์บ้านเรา นับได้ว่ายามาฮ่าเป็นหนึ่งใน แบรนด์ต้นๆที่ทำการตลาดได้แตกต่างและสร้างกระแสได้น่าสนใจ หลังจากเมื่อต้นปีได้ปิดสนามแข่งรถระดับโลกอย่าง สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ซึ่งยามาฮ่าเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนสนามเพื่อเปิดตัวรถจักรยานยนต์ Yamaha YZF- R3 อย่างสุดยิ่งใหญ่ด้วยการเชิญ 4 นักแข่งระดับโลกจากทีม Yamaha Factory และ Yamaha Tech3 อย่างวาเลนติโน่ รอสซี่, จอร์จ ลอเรนโซ่, พอล เอสปากาโร่, แบรดลีย์ สมิธ และ 2 นักแข่งระดับแชมป์ของไทยอย่าง เดชา ไกรศาสตร์ และเฉลิมพล ผลไม้ มาลงบิดดวลกันในสนาม อีกทั้งให้ลูกค้าหลายร้อยชีวิตมีโอกาสทดลอง ขี่รถ Yamaha YZF-R3 ในสนามแข่งจริงการวางจำหน่าย แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าปีนี้กลยุทธ์ยามาฮ่าได้รุกตลาดมอเตอร์สปอร์ตอย่างเต็มตัว
สรวงสุดา มนัสบุญเพิ่มพูล
สรวงสุดา มนัสบุญเพิ่มพูล ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายสื่อสารการตลาด บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวถึงเหตุผลที่ยามาฮ่าได้สร้างแคมเปญนี้โดยจับมือกับ Playboy Thailand เนื่องจากรถมอเตอร์ไซค์ยามาฮ่ารุ่น R-Series นั้นเป็นรุ่นที่พัฒนามาจากรถแข่งระดับโลก และแบรนด์เพลย์บอยเองเป็นแบรนด์ที่โด่งดังระดับโลก ซึ่งกลุ่มลูกค้าทั้งของ R-Series และ Playboy จึงเป็นกลุ่มเป้าหมายเดียวกัน ดังนั้นแคมเปญนี้จึงเป็นการผสมผสานจุดแข็งของแต่ละฝ่ายได้อย่างลงตัว อีกทั้งช่วยทำให้คาแรกเตอร์ผู้ใช้ R-series ชัดเจนขึ้น ในแง่ของความมีระดับ ช่างเลือก และสื่อสารให้เห็นว่า ผู้ใช้ R-seriesจะได้รับความสนใจและการดูแลอย่างไม่ธรรมดา ถึงขนาดที่สาวบันนี่ระดับเพลย์บอยยังให้ความสนใจ และเปรียบเสมือนว่าอยู่ในสนามแข่งที่มี Race Queen มากางร่ม มาเช็ดเหงื่อ หรือแม้กระทั่งเสิร์ฟน้ำให้ สร้างความเอ็กซ์คลูซีฟยิ่งกว่าเดิม ทำให้คนขี่รู้สึกเท่และโดนเด่นเมื่อขี่ R-series”
เนื่องจากแคมเปญนี้ตั้งใจทำสำหรับออนไลน์โดยเฉพาะ ดังนั้นวิธีการคัดเลือก “บันนี่ “นั้น จึงใช้เรื่องของการใช้ โซเชียลเน็ตเวิร์ตมาประกอบการตัดสินใจ โดยเลือกจากมีคนฟอลโล่ในโซเชียลฯ จำนวนมากซึ่งก็มีตั้งแต่หลักแสนไปจนกระทั่งถึงหลักล้าน รวมทั้งต้องเป็นที่รู้จักหรืออยู่ในกระแส จนในที่สุดจึงได้ บันนี่ จำนวน 4 คน โดยผสมกันทั้งบันนี่ ปี 2014 และ 2015 เพื่อมาร่วมแคมเปญนี้
สำหรับผลการตอบรับที่ได้มานั้น ในแง่ของแบรนด์ จะได้ Brand exposure และเป็นแรงกระตุ้นให้คนที่กำลังตัดสินใจซื้อ ตัดสินใจได้เร็วขึ้นอีกทางหนึ่ง ซึ่งจะเป็นเชิงอีโมชั่นนอลมากๆ ซึ่งยามาฮ่าจะมีนำรูปแบบของแคมเปญนี้ไปต่อยอดผ่านทางผู้จำหน่ายในพื้นที่ โดยบางส่วนได้เริ่มนำแคมเปญนี้ไปใช้ในจังหวัดของตัวเอง เช่น ผู้จำหน่ายที่ขอนแก่น เนื่องจากเขาเห็นกระแสที่เราทำตรงกับความสนใจกลุ่มเป้าหมาย
เนื่องจากปัจจุบันพฤติกรรมและความสนใจของกลุ่มลูกค้าเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นการนำเสนอเนื้อหาที่ตรงใจ รวมทั้งการบริการและการช่วยแก้ปัญหาต่างๆที่ลูกค้าต้องการให้ช่วยเหลือจึงเป็นสิ่งที่ยามาฮ่าให้ความสำคัญ รวมทั้งการเน้นเรื่องเกี่ยวกับมอเตอร์สปอร์ต เป็นพิเศษ เพราะเป็นเทรนด์ใหม่ในประเทศไทยซึ่งจะมีการเติบโตได้อีกมาก เพราะประเทศไทยมีสนามแข่งระดับโลกอย่างสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ที่จังหวัดบุรีรัมย์
เพจชื่อดังอย่าง “อีเจี๊ยบ เลียบด่วน” และ “พ่อบ้านใจกล้า” ต่างแชร์คลิปวิดีโอ
เว็บไซต์ต่างๆ ในโลกออนไลน์ให้ความสนใจ