AEC เชิงรุก ต้อง Outside-In มากกว่า Inside-Out

เรื่องโดย  ดร.ธเนศ ศิริกิจ
 
วันนี้ขอหยิบเอาเรื่องราวของ AEC (Asian Economics Community) มาเขียน ช่วงหลังนี้จะถูกเชิญไปบรรยายเรื่องนี้บ่อยครั้ง แต่คงจะเขียนแตกต่างในมุมมองเชิงกลยุทธ์
 
จะปรับตัวอย่างไร? จะทำการตลาดอย่างไร? เป็นคำถามที่ถูกถามบ่อยมาก การที่ตลาดเพื่อนบ้านเปิดเป็นประชาคมเกิดขึ้น นักธุรกิจต้องปรับตัวเองคือไม่มองตนเองเป็นตัวตั้ง (Inside-Out) เช่น ธุรกิจต้องการจะทำอะไร ก็ทำตามสิ่งที่อยากได้ อยากทำ เน้นสิ่งที่ตัวเองชอบเป็นหลัก คือที่อยากทำ คือตอบสนองความต้องการตนเองมากกว่าตอบสนองความต้องการลูกค้า
 
ในเชิงธุรกิจ มีหลายธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จ เพราะเขาไม่คิดอย่างที่ลูกค้าคิด หรือเอาตัวเองเป็นตัวตั้ง (Inside-Out) ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากได้ อยากทำและนำเสนอ ซึ่งจะพบบ่อย 
 
แต่เมื่อจะไปในเชิงรุก จะต้องเปลี่ยนบทบาทของเจ้าของธุรกิจเป็นผู้ฟังลูกค้า คือ ตอบสนองสิ่งที่ลูกค้าต้องการ “มองในสิ่งที่ลูกค้าอยากได้ ไม่ใช่อยากทำอย่างเดียว”คือ การยึดลูกค้าเป็นตัวตั้ง (Outside-In) หรือเอาตลาดเป็นตัวตั้ง และปรับตามตลาด ซึ่งการมองแบบ Outside-In คงต้องใช้หลักการ 3P เพื่อการพัฒนา
 
P= Product = ผลิตภัณฑ์ ต้องเกิดความแตกต่างและตอบสนองกับความต้องการ , Lifestyle , วัฒนธรรม และรสนิยมของคนแต่ละประเทศ ซึ่งมีความหลากหลายกัน ดังนั้นธุรกิจแต่ละธุรกิจจะต้องศึกษาวัฒนธรรม ความเป็นอยู่ พฤติกรรมการบริโภคของคนในประเทศนั้นๆ รวมทั้งตลาดในแต่ละประเทศก่อนที่จะออกไปทำการตลาดต่างประเทศ 
 

 
P= Process = กระบวนการ เมื่อเปิดเขตเศรษฐกิจอย่างเสรี การแข่งขันก็จะสูงขึ้น กระบวนการที่สามารถปรับในเรื่องความคุ้มค่า และ Responsiveness กับลูกค้าด้วยความรวดเร็ว จึงเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็น เพราะในยุค Digital เวลาเป็นเงินเป็นทอง Speed is advantage ความได้เปรียบทางการแข่งขัน การตอบสนองความรวดเร็วจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ
 
P= People = บุคลากร ต้องมีการพัฒนาในเรื่องของบุคลากรให้มีศักยภาพและมีฝีมือมากกว่าแรงงานจากประเทศอื่นๆ ที่เข้ามาแย่งงานในประเทศไทย ทั้งในเรื่องของภาษา และความอดทนในการทำงาน อย่างที่ทราบ แรงงานไทยมักปฏิเสธงาน 3D คือ Danger งานที่อันตราย , Dirty งานที่สกปรก ติดเชื้อ และ Difficult งานที่ยากลำบากกว่าจะได้ค่าตอบแทน จึงเกิดช่องว่างให้แรงงานจากประเทศอื่นเข้ามา
 

 
ในเรื่องต่อไป ธุรกิจจะต้องวิเคราะห์ปัจจัยภายนอก (External Factors) มาประกอบด้วยให้มากๆ โดยอาจจะใช้ทฤษฎี P-E-T-S Analysis มาช่วยวิเคราะห์ก็ได้
 
P = Political    วิเคราะห์การเมือง
E = Economics วิเคราะห์เศรษฐกิจที่มีผลกระทบ
T= Technology  ใช้เทคโนโลยีที่ทันต่อยุคสมัย
S= Social วิเคราะห์สังคม วัฒนธรรมที่เปลี่ยนแปลง 
 
คงจะได้มีโอกาสมาคุยในคราวต่อไปครับ
 
บทความโดย   :  ดร.ธเนศ ศิริกิจ : ผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาการวางแผนกลยุทธ์การตลาด /อาจารย์ ในระดับปริญญาโท หลายสถาบัน , นักวิชาการ และวิทยากรทั้งภาครัฐและเอกชน
Email :  s_thaneth @yahoo.com