บริษัท กันตาร์ เวิร์ลพาแนล (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัทด้านวิจัยการตลาด และผู้บริโภค ได้ทำการสำรวจแบรนด์ในกลุ่มธุรกิจ FMCG ที่เป็นแบรนด์เอเชีย เปรียบเทียบกับแบรนด์ระดับโลก หรือแบรนด์โกลบอล พบว่าในปี 2015 แบรนด์เอเซียมีการเติบโตมากกว่า เติบโต 8% และแบรนด์โกลบอลโต 4% เหตุผลสำคัญก็เพราะว่าแบรนด์โกลบอลในปัจจุบันมีความช้ากว่า และไม่กล้าเสี่ยง มีขั้นตอนในการตัดสินใจเยอะ เมื่อเทียบกับแบรนด์เอเชียที่มีความคล่องตัวกว่า
ทางกันตาร์ได้ทำการสัมภาษณ์ผู้บริหารของแบรนด์เอเชียทั้งหมด 11 แบรนด์ เพื่อสอบถามความเห็นข้อแนะนำที่ทำให้แบรนด์ประสบความสำเร็จได้ หนึ่งในนั้นมีแบรนด์ไทยอย่าง “อิชัตัน” รวมอยู่ด้วย
สรุปออกมาได้ทั้งหมด 5 ข้อด้วยกัน ได้แก่
1.ต้องตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงได้อย่างฉับไว ต้องเท่าทันต่อเทคโนโลยี และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ต้องรู้ว่าผู้บริโภคต้องการอะไร
2.แบรนด์ต้องเกิดความคุ้มค่า ต้องมีเหตุผลที่ผู้บริโภคจะหยิบซื้อได้
ยกตัวอย่างแคมเปญสินค้าแชมพูในประเทศอินเดีย ที่ได้โปรโมตว่ารายได้ส่วนหนึ่งจะบริจาคให้กับเด็กด้อยโอกาส เป็นการสื่อสารในสื่อต่างๆ รวมทั้งโฆษณาทางโทรทัศน์ด้วย แคมเปญนี้เป็นเรื่องของอีโมชันนอล ผู้บริโภคมองว่าซื้อสินค้าและได้บุญด้วย ทำให้มียอดขายเติบโต 18% และได้ลูกค้าเพิ่มขึ้น 5.5 ล้านครัวเรือน
3.นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ให้ใช้ชีวิตง่ายขึ้น หรือจะเป็นการเอาวัฒนธรรมมาสร้างนวัตกรรมก็ได้
กรณีศึกษาก็คือแคมเปญกระดาษทิชชู VINDA จากประเทศจีน ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าสินค้าประเภทกระดาษทิชชูคนจะเลือกซื้อจากโปรโมชั่นลดราคามากกว่า และสินค้ากลุ่มนี้ก็มีนวัตกรรมไม่มาก อาจจะมีเรื่องกลิ่นหอม และซ้อนแผ่นให้หนาขึ้น เพราะฉะนั้นแบรนด์ต้องการสื่อถึงคุณสมบัติของกระดาษที่ยืดหยุ่น จึงจัดงานอีเวนต์แฟชั่นโชว์ มีการประกวดการออกแบบชุดแต่งงานโดยใช้กระดาษาทิชชู ทำให้เกิดเสียงตอบรับค่อนข้างดี มียอดขายเติบโตขึ้น 7% และมีกลุ่มลูกค้าใหม่ซื้อเพิ่มขึ้น 13 ล้านคน
4. ใช้ดิจิทัลในการสร้างแบรนด์ให้ประสบความสำเร็จ ใช้เป็นทั้งแพลตฟอร์ม และตัวเชื่อมต่อกับผู้บริโภค
กรณีศึกษาเป็นแคมเปญของแบรนด์ผลิตภัณฑ์นมในประเทศจีน ได้บริหารสื่อด้วยการสร้างแมสเสจเหมือนกันในทุกสื่อทั้งดิจิทัล หนังสือพิมพ์ โซเชียลมีเดียอื่นๆ เน้นช่องทางดิจิทัลเป็นหลัก ผลลัพธ์ก็คือสามารถเข้าถึง 88% ของจำนวนประชากรจีน และมีการเติบโต 13% มีส่วนแบ่งการตลาด 25%
5. การใช้ดาต้าของผู้บริโภคให้เกิดประโยชน์สูงสุด มีผลต่อการออกสินค้าและบริการใหม่ๆ ในอนาคตได้