Fahrenheit 9/11 การเมืองและการค้าหนังสารคดี

“ในเชิงของภาพยนตร์แท้ๆ ฟาเรนไฮต์ ไนน์ วันวัน เป็นหนังสารคดีเกรดสอง แต่มันเป็นความบันเทิงเกรดหนึ่ง และการเปิดโปงเงื่อนงำระดับสูงสุด” Mark Keizer, BOXOFFICE MAGAZINE

หนังสารคดีกล่าวหาประธานาธิบดี จอร์จ บุช จูเนียร์ ที่พลิกล็อกได้รับรางวัลปาล์มทองคำ ในเทศกาลหนังคานส์ล่าสุด และกลายเป็นกระแสใหม่ที่สร้างปรากฏการณ์ให้แวดวงหนังสารคดีทั่วโลก ซึ่งมีผู้เบิกทางได้พยายามฟันฝ่ากันมายาวนาน และไม่เคยมีเค้าความสำเร็จแบบนี้ สำหรับหนังสารคดีการเมืองได้รางวัลใหญ่สูงสุดในคานส์ เป็นครั้งแรกในรอบ 48 ปี

ก่อนหน้านั้นเมื่อสองเดือนก่อน หนังเรื่องนี้ถูกค่ายใหญ่ ”ดิสนีย์” สั่งบริษัทในเครือคือ “มิราแม็กซ์” ซึ่งร่วมลงทุนด้วยห้าล้านเหรียญ ให้ดองการฉายอย่างถาวร แต่หลังหนังได้รางวัลปาล์มทองคำในปลายเดือนพฤษภาคม ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป “มิราแม็กซ์” ได้ขายสิทธิให้ “ไลอ้อน เกทส์” บริษัทผู้จัดจำหน่ายหนังขนาดกลาง ซึ่งตกลงนำหนังเข้าฉายทั่วประเทศ ใน 868 โรงทั่ว 50 รัฐในอเมริกาโดยทันที

รอยเตอร์รายงานในวันที่ 24 มิถุนายนว่า ในวันแรกของการเข้าโรงที่นิวยอร์ก ซิตี้ หนังสร้างประวัติการณ์ด้วยการทำยอดจำหน่ายตั๋วถึง 49,000 ดอลลาร์ ที่โรงหนัง โลว์’ส วิลเลจ เซเว่น ใกล้ถนนบรอดเวย์ หรือสูงที่สุดนับตั้งแต่ยอดจำหน่ายตั๋วที่เดียวกันได้ 43,435 ดอลลาร์ เมื่อปี 1997 จาก “Men in Black” และ 24,013 ดอลลาร์จาก “Crouching Tiger, Hidden Dragon” ในปี 2000

ในวันที่ 27 มิถุนายน หนังก็สรุปยอดจำหน่ายสัปดาห์แรกเป็นอันดับหนึ่งในอเมริกา ทั้งที่ฉายส่วนใหญ่ในโรงหนังอาร์ตขนาดเล็ก และได้ฉายน้อยโรงมากกว่าอันดับสองที่ฉายกว่า 3,000 โรง แต่สามารถทำเงินไปได้ถึง 27 ล้านดอลลาร์สหรัฐในหนึ่งสัปดาห์

รางวัลคานส์จึงไม่ใช่แค่ใบประกาศเกียรติคุณ แต่เป็นใบโฆษณาชั้นดีเรียกความสนใจของมหาชนทั่วไป และเบิกทางนำหนังเข้าสู่ความสำเร็จเหลือเชื่อในด้านยอดตั๋วเข้าชม ทั้งที่หนังสารคดีเรื่องนี้ไม่ได้มีความแตกต่างพิเศษมาก เมื่อเทียบกับหนังสารคดีอื่นๆ ของคนทำสารคดีจำนวนมาก นอกเหนือจากว่ามันวิพากษ์วิจารณ์ จอร์จ บุช ที่คนจำนวนมากกำลังต่อต้านเขาจากสงครามอิรัก

สารคดีเรื่องนี้จะเสนอในแนวเปิดโปงว่า ทำไม จอร์จ บุช ถึงละเลยที่จะจัดการกับบิน ลาเดน หลังเหตุการณ์ 11 กันยายน โดยแจกแจงถึงความสัมพันธ์แนบแน่นเก่าแก่ด้านธุรกิจในอเมริกาของครอบครัว บิน ลาเดน จากซาอุดีอาระเบีย กับธุรกิจครอบครัวของจอร์จ บุช และคนสนิทที่เท็กซัส รวมถึงการที่น้องชายของบิน ลาเดน เข้าร่วมการประชุมทางธุรกิจขนาดใหญ่ งานเดียวกับที่จอร์จ บุช ซีเนียร์ เข้าร่วมในเวลาเพียงหนึ่งวันก่อนเหตุการณ์ร้าย และการที่รัฐบาลอเมริกันได้จัดเครื่องบินขนส่งพิเศษบรรทุกครอบครัวของบิน ลาเดน และชาวซาอุดีอาระเบีย ออกจากอเมริกาด่วน หลังจากเกิดเหตุ

หนังสารคดีเรื่องนี้เป็นผลงานของไมเคิล มัวร์ ดาวตลกเชิงเสียดสีที่คุ้นเคยกันดีของวงการภาพยนตร์ในฮอลลีวู้ด ถึงแม้จะเป็นคนที่มักลุกขึ้นวิจารณ์การเมือง และทำลายบรรยากาศหรรษาของเหล่าดาราบ่อยๆ แต่เขาก็อยู่ในวงการนี้มานานมาก และเป็นเพื่อนกับคนฮอลลีวู้ดหลายคน รวมถึงไม่ได้มีชีวิตแตกต่างจากดาราทั่วไปที่อยู่บ้านหรู ใกล้หาดแฮมพ์ตัน และใช้รถลีมูซีนเดินทาง

เขาเพิ่งได้รับรางวัลออสการ์ประเภทหนังสารคดีเมื่อสองปีก่อน จากหนังสารคดีเรื่อง Bowling for Columbine ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการก่อคดีปิดโรงเรียนยิงหมู่ที่โรงเรียนมัธยมโคลัมไบน์ ในสหรัฐอเมริกา

หลังจากได้รางวัลในงานเทศกาลหนังคานส์ Farenheit 9/11 ได้รับการชมเชยในแง่คุณภาพหนังและการนำเสนอ จากนักวิจารณ์ถ้วนหน้า แต่ที่จริงไม่ใช่ประเด็นว่าตัวหนังและการนำเสนอจะแค่พอใช้ ดี หรือดีมากก็ตาม เพราะชื่อจอร์จ บุช และชื่อไมเคิล มัวร์ กับแนวคิดต่อต้าน จอร์จ บุช แบบเปิดโปง เป็นสูตรง่ายๆ เท่านั้นที่ทำให้หนังได้รับรางวัลไปในจังหวะนี้ เมื่อวิเคราะห์ดูตัวคณะกรรมการตัดสินปีล่าสุด ซึ่งนำทีมประธานตัดสินโดย เควนติน ตาเรนติโน นักปฏิวัติแนวคิดใหม่แต่หน้าเก่าจากฮอลลีวู้ด ผู้ที่มักผลิตหนังในแนวแตกต่าง

เข้าจังหวะพอดีกับที่คณะกรรมการคนอื่นในปีนี้นั้นเป็นคานส์ที่เปลี่ยนไป ประกาศจุดยืนความเป็นคนหัวใหม่อย่างเต็มที่ เช่น Beno?t Poelvoorde ให้สัมภาษณ์อย่างเปิดเผยในเว็บไซต์ของคานส์เองว่า จะมาแก้แค้นที่หนังของตัวเองไม่เคยได้รางวัล ปีนี้จะมอบรางวัลให้หนังคุณภาพกลางๆ Tsui Hark บอกว่า เขาคิดว่าตัวเองเป็นปีศาจในทีม แต่ดีใจที่เจออีกหลายคนในกลุ่มกรรมการ Jerry Schatzberg บอกว่า ผมมากิน ดื่ม หาผู้หญิง และสำราญ

เควนติน ตาเรนติโน จึงนำทีมคณะกรรมการชุดเปลี่ยนไปที่ยินยอมพร้อมใจ มอบรางวัลให้ ”ฟาเรนไฮต์ 9/11” แทนที่จะมอบให้หนังต่างประเทศนอกกระแสสักเรื่องหนึ่งอย่างทุกปี ถึงแม้เขาออกมาให้เหตุผลว่า การมอบรางวัลแก่หนังที่วิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดี จอร์จ บุช อยู่ที่คุณภาพหนังไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ ในทางการเมือง แต่แน่นอนว่าเขาย่อมรู้ตั้งแต่ตอนเริ่มต้นตัดสินว่าการมอบรางวัลให้ “แกะสีเทา” แห่งฮอลลีวู้ด อย่าง ไมเคิล มัวร์ จะส่งผลอย่างน่าปีติตามมา ทั้งแก่วงการหนังสารคดี และวงการผู้ต่อต้านนักการเมืองละโมบและต่อต้านสงคราม รวมถึงความยินดีของคนฮอลลีวู้ดเอง

ถึงแม้ดิสนีย์จะบล็อกการจำหน่ายหนังเรื่องนี้ แต่มิราแม็กซ์ หรือยักษ์เล็กตัวหนึ่งในฮอลลีวู้ดก็มีส่วนร่วมในการสร้างหนังแบบเรื่อง ฟาเรนไฮต์ 9/11 ขึ้นมา และคนรุ่นใหม่ในฮอลลีวู้ดหลายคนก็พอใจอยู่มาก กับเลือดบ้าพล่านของไมเคิล มัวร์ ยิ่งในเรื่องการชูธงวิจารณ์จอร์จ บุช เพราะดาราฮอลลีวู้ดส่วนมากไม่ใช่รีพับลิกัน พวกเขาโหวตให้พรรคเดโมแครตมากกว่า และดาราส่วนมากเกลียดสงคราม

การนำ “ฟาเรนไฮต์ 9/11” ขึ้นรับรางวัลปาล์มทองคำ เพื่อเป็นการเบิกทางให้หนังได้รับความสนใจจากประชาชน และสามารถต่อรองกับนายทุนเพื่อเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วไป จึงเป็นกลยุทธ์แคมเปญต่อต้านของฮอลลีวู้ด จากการแกล้งทำไกปืนลั่น โดยเควนติน ทาเรนติโน่ เพื่อบอกทำเนียบขาวดังๆ ว่า ฮอลลีวู้ดไม่ได้อยู่ข้างรัฐบาลชุดนี้เลย เป้าหมายกระสุนปืนนั้นเป็นเป้าใหญ่พอเมื่อจอร์จ บุช ถูกเปิดโปงแบบหาเหตุแก้ตัวไม่ได้ และอาจพ่ายเลือกตั้งครั้งที่ใกล้ถึงในสิ้นปี

ผลงานของไมเคิล มัวร์

หนึ่ง ผลงานภาพยนตร์ ในฐานะผู้กำกับ นักเขียน และนักแสดง
1. Sicko (2005) (ประกาศสร้าง)
2. Fahrenheit 9/11 (2004)
3. Bowling for Columbine (2002)
4. The Awful Truth (1999) หนังชุดทางทีวี
5. And Justice for All (1998)
6. The Big One (1997)
7. TV Nation (1995)
8. TV Nation 2 (1995)
9. Canadian Bacon (1995)
10. TV Nation” (1994) หนังชุดทางทีวี
11. Two Mikes Do’t Make a Wright (1992)
12. Pets or Meat: The Return to Flint (1992) หนังทีวี
13. Roger & Me ( A Humorous Look at How General Motors Destroy Flint, Michigan) (1989)

สอง เขียนหนังสือแนวเสียดสีนักการเมืองออกมาหลายเล่ม บางเล่มติดอันดับขายดี
หนังสือ “Stupid White Men and Other Sorry Excuses for the State of the Nation” (พวกคนขาวงี่เง่าและคำขอโทษแก้ตัวจากคณะบริหารประเทศ)
หนังสือ “Dude, Where’s My Country?” (เฮ้ย ประเทศผมหายไปไหน)
หนังสือ “Downsize This! Random Threats from an Unarmed American” (ลดสิ่งนี้ ! การสุ่มขู่เข็ญจากอเมริกันคนหนึ่งที่ไม่มีอาวุธ)
หนังสือ “Adventures in a TV Nation” (ประสบการณ์ในประเทศบ้าทีวี) ร่วมกับ แคทลีน กลินน์

สาม กำกับมิวสิกวิดีโอ เพลงแนวร็อก สองวงแรกเป็นวงร็อกหัวรุนแรง เพลงแนวต่อต้านสังคม
กำกับมิวสิกวิดีโอ วง Rage Against The Machine เพลง Sleep Now In The Fire, เพลง Testify
กำกับมิวสิกวิดีโอ วง System of a down เพลง Boom
กำกับมิวสิกวิดีโอ วง R.E.M. เพลง All the Way To Reno (You’re Gonna Be A Star)

สี่ แสดงเดี่ยวไมโครโฟน “Michael Moore Live!” ที่ราวด์เฮ้าส์ เธียเตอร์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ