ถ้าไม่นับบัณฑูร ล่ำซำแล้ว “สาระ ล่ำซำ” เป็นรุ่นที่ 2 ของตระกูล “ล่ำซำ”ที่ได้โอกาสขึ้นบริหารงานในธุรกิจเก่าแก่ของตระกูล ที่ยังคงความเป็นธุรกิจครอบครัวมากที่สุด
สาระ ล่ำซำ เป็นรุ่นที่ 3 ของบริษัทเมืองไทยประกันชีวิต ที่ได้ขึ้นรับตำแหน่ง “กรรมการผู้จัดการ” ต่อจาก ภูมิชาย ล่ำซำ ผู้เป็นอา ที่ขึ้นไปนั่งในตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร โดยเป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างองค์กร เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2547
การปรับโครงสร้างองค์กรครั้งนี้ นอกจากเปิดให้ เลือดใหม่วัย 35 ปี ซึ่งมีประสบการณ์ในบริษัทแห่งนี้ 12 ปีเต็ม เป็นแกนนำในการบริหารองค์กรแล้ว ยังนำเอาบริษัท Fortis พันธมิตรข้ามชาติจากยุโรป เข้ามาถือหุ้น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขัน
ภาพลักษณ์ใหม่ของเมืองไทยประกันชีวิต ซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับที่ 5 จะถูกเปลี่ยนให้ดูทันสมัย สอดคล้องกับสโลแกน “บริษัทสำหรับคนหัวคิดทันสมัย” ที่ใช้มาในยุคของภูมิชาย แต่ได้นำมาตอกย้ำให้ชัดเจนยิ่งขึ้นในยุคของ สาระ
“เราต้องการสร้างให้บริษัทมีความมั่นคงแข็งแรง ไม่ใช่แค่เรื่องซีเรียสอย่างเดียว แต่ต้องมีความ enjoy สดใส และทันสมัย ทุกๆ เช้า คือ วันใหม่ของเราทุกคนในเมืองไทยประกันฯ ต้องอัพเดทตัวเองตลอดเวลา เพื่อรับมือกับการแข่งขัน”
การ re-branding เมืองไทยประกันชีวิต ให้มีภาพของขององค์กรความทันสมัย ความสนุกสนาน ด้วยการนำ 5 สี ประกอบด้วยสี ฟ้า หมายถึงวามคิดกว้างไกล สีน้ำเงิน คือ ความมั่นคง สีแดง คือ พลัง และสีขาว หมายถึงความบริสุทธิ์ และสีบานเย็น หมายถึงความสดใส มาใช้เป็นสัญลักษณ์ใหม่ แทนสี ฟ้าและน้ำเงิน
จะเริ่มจาก การปรับรูปแบบนามบัตร ชุดยูนิฟอร์มของพนักงาน และสาขา 3 แห่ง ในจังหวัดสระบุรี สมุทปราการ และโคราช เป็นลำดับแรก
นามบัตร และสาขาใหม่ สาระ ได้บริษัทออกแบบภายในฝีมือดี PIA ของรุจิราภรณ์ หวังหลี ผู้เป็นน้ามาออกแบบให้ ส่วนชุดยูนิฟอร์มของพนักงาน เป็นผลงานของ “เมตตา ตันติสัจธรรม” เจ้าของห้องเสื้อเมตตา เป็นผู้ออกแบบ ให้สอดคล้องกับคอนเซปท์ของเมืองไทยฯ โฉมใหม่
โฆษณาชุดใหม่ สำหรับการ Re-branding ครั้งนี้ จ้างบริษัทบางกอกโชว์เคส ของ ดลชัย บุญยะรัตนเวช เข้ามาเป็นที่ปรึกษา ส่วนที่ปรึกษาด้าน Brand เป็นบริษัทข้ามชาติ ที่มีประสบการณ์ ที่อยู่ระหว่างคัดเลือก
โจทย์ใหม่นี้ ยังรวมไปถึง การสร้างเมืองไทยประกันชีวิต ให้เป็น “มัลติชาแนล ดิสทริบิวชั่น” สร้างช่องทางจำหน่ายกรมธรรม์ ใหม่ๆ ขายผ่านสาขา ทั้ง490 แห่งของ ธนาคารกสิกรไทย และมอบให้ “ซิงเกอร์”ทำหน้าที่เป็นโบรกเกอร์อิสระ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของเมืองไทยฯ ไปถึงมือกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากขึ้น แทนที่จะขายผ่านตัวแทนเพียงอย่างเดียว
สาระเชื่อว่า “คน” คือ กลไกที่สำคัญที่สุดของการขับเคลื่อนธุรกิจ โครงสร้างองค์กรใหม่ ที่กระจายอำนาจจากบนลงสู่ล่าง เน้นการทำงานเป็น “ทีม” จะช่วยเพิ่มความเข้มแข็ง และความคล่องตัวให้กับเมืองไทยประกันชีวิต ต่อสู้กับคู่แข่งบนเวทีเดียวกันได้
“ยุคที่เปิดเสรี การเป็นวันแมนโชว์ลำบากแน่ ต้องมีการกระจายอำนาจ มีทีมเวิร์ค ผมพยายามเปลี่ยนมา 2-3 ปีแล้ว ลองนึกภาพ เรามีพนักงาน 1,000 คน มีพนักงานขาย 10,000 คน เป็นเรื่องของคนกับคน เราต้องปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์”
ความสดใหม่ของเลือดใหม่ ต้องเรียนรู้ข้อดีของคนเก่า มาใช้ร่วมกับความเป็นคนรุ่นใหม่ เพื่อสร้างให้เกิดการเปลี่ยนแปลงให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว
“ผมเป็นคนคิดไว แต่ก็ต้องคอยมองข้างหลังด้วย ว่าลูกน้องเดินตามทันหรือไม่ เพราะแม้ว่าเมืองไทยยังเป็นธุรกิจของตระกูลล่ำซำ แต่ก็มีผู้ถือหุ้นอื่นเข้ามา ทำให้ความคิดเปลี่ยนไปเยอะ การรับฟังเป็นเรื่องสำคัญ”
สาระ เป็นลูกชายคนสุดท้องของโพธิพงษ์ ล่ำซำ มีพี่สาว 2 คน คือนวลพรรณ พรรณเชษฐ์ และ วรรณพร พรประภา แต่งงานแล้วกับ ปราโมทย์ พรประภา อดีตผู้บริหารระดับภาคพื้นของบอสตัน คอนซัลติ้ง ที่สาระดึงตัวมาเป็นที่ปรึกษา
วัยเด็กเริ่มเรียนโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรียนถึงมัธยม 2 ถูกส่งเรียนต่อจูเนียร์ไฮสคูล ที่เป็นโรงเรียนประจำชายล้วน และไปต่อไฮสคูล ปิดเทอมไม่ได้บินกลับเมืองไทย แต่พ่อแม่ให้ไปใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวอเมริกัน ปลูกฝังความชอบกีฬากลางแจ้ง สาระมักจะใช้วันว่างเขาจึงชื่นชอบการขี่รถฮาเลย์เดวิสันออกต่างจังหวัดไกล หรือขับเรือไปนอนกลางทะเล ภาระที่มากขึ้นทำให้ทิ้งช่วงไปบ้าง แต่ก็เตรียมโปรแกรมเดือนธันวาคม ไปยังอำเภอปรายไว้แล้ว
สาระ เลือกเรียนต่อปริญญาตรีด้านธุรกิจ ที่ School of Business in Administration Northeastern University ระหว่างเรียนต้องบินฝึกงานด้านวาณิชธนกิจในไทย แม้จะเป็นช่วงสั้นๆ แต่ ทำให้เห็นภาพการบริหารธุรกิจในอีกด้านหนึ่ง จนถึงกับคิดที่จะยึดอาชีพทางด้านนี้ หากไม่เป็นเพราะการซึมซับจากผู้เป็นพ่อ ที่ทำทางด้านประกันชีวิตมาตลอด บวกกับประสบการณ์ครั้งสำคัญ ระหว่างเรียนปริญญาโท ที่ Master of Science in Administration Boston University ที่ต้องไปฝึกงานในบริษัทประกันชีวิตยักษ์ใหญ่ของโลก “จอห์น แฮนค็อก” ซึ่งอยู่ระหว่างการ “รีเอ็นจิเนียริ่ง” ระบบเรื่องการออกกรมธรรม์ ทำให้เขาเบนเข็มมาสู่ธุรกิจประกันชีวิต
ทันที่ที่เรียนจบ สาระกลับมาเริ่มงานเมืองไทยประกันชีวิต ซึ่งเวลานั้น ภูมิชาย เป็นกรรมการผู้จัดการ และโพธิพงศ์ เป็นประธานกรรมการ เขาเริ่มงานในสายงานฝึกอบรม เพื่อเรียนรู้ภาพรวมของธุรกิจประกันชีวิต ทั้งหมด ตั้งแต่สินค้า วิธีบริการ การขาย และตัวแทน
จนกระทั่งปี 2540 เมืองไทยประกันชีวิตตัดสินใจปฏิวัติองค์กร สาระ ถูกเลือกให้อยู่ในทีม “รีเอ็นจิเนียริ่ง” เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของกลไกการทำธุรกิจ นำระบบไอที และการบริหารงานแบบใหม่เข้ามาใช้ รวมถึงารทำงานร่วมกับที่บริษัทที่ปรึกษาข้ามชาติ
หลังจากนั้น เขาไปอยู่ฝ่าย Corporate Plan ดูแลเรื่องการวางเรื่องการวางกลยุทธธุรกิจ ถือเป็นการเตรียมพร้อมของการเข้าสู่ระดับบริหารงาน สาระใช้เวลาเรียนรู้อยู่พักใหญ่ ตำแหน่งสุดท้ายของเขาคือ รองกรรมการผู้จัดการ ดูแลงานวางแผน และการตลาด ก่อนจะได้ขึ้นมาเป็นกรรมการผู้จัดการ เมื่อมีการปรับโครงสร้างองค์กร เมื่อต้นปี 2547
จุดแข็ง ที่นำมาใช้ คือ การดึงเอา ข้อดีของพันธมิตรข้ามชาติ ที่มีประสบการณ์มาใช้ ในแบบที่เรียกว่า “เรียนลัด” เช่น ระบบ Customer Relation Management หรือ CRM ที่นำมาจากสิงคโปร์ แบบยกมาทั้งระบบแล้ว บริษัท Fortis ยังส่งเจ้าหน้าที่มาช่วยปรับแต่งให้ด้วย
สิ่งหนึ่งที่ สาระทำมาต่อเนื่องในช่วงหลายปีมานี้ คือ การเป็นสมาชิกในกลุ่ม Young President Organization –YPO ซึ่งมีเฉพาะระดับ president ในธุรกิจขนาดใหญ่ อายุไม่เกิน 49 ปี ที่จะพบปะ แลกเปลี่ยนความคิด ปรึกษาปัญหาเป็นประจำทุกเดือน และมีสัมมนา เชิญทั้งนักการเมือง นักธุรกิจที่มีบทบาทมาให้ความรู้ เป็นการต่อยอดภาพความคิดภาพของเศรษฐกิจในระดับ macro
ส่วนการอัพเดทความรู้ทั่วไป จะได้จากสื่อทุกประเภท ตั้งแต่ตื่นนอน ตี 5 ครึ่งข่าวทีวี ต่อด้วยข่าววิทยุระหว่างขับรถ มาถึงที่ทำงานจะต่อด้วยข่าวธุรกิจจากหนังสือพิมพ์ ตำราบริหารจัดการ ที่ซื้อหามาไว้ไม่ต่ำกว่า 30 เล่ม จะเลือกเฉพาะบางเล่ม ที่ต้องใช้ เช่น Ten Deadly Marketing Sins และตำราเกี่ยวกับการสร้าง brand เพื่อนำมาใช้กับการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของเมืองไทยประกันชีวิต ที่กำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น
Profile
Name : สาระ ล่ำซำ
Education :
– ป.1-ม.2 โรงเรียนสาธิตจุฬาฯ
– High School Cushing Academy Massachusetts สหรัฐอเมริกา
– ปริญญาตรี School of Business in Administration Northeastern University
– ปริญญาโท Master of Science in Administration Boston University
Career Highlights :
– 2533 บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เจ้าหน้าที่ฝ่ายวาณิชธนกิจ (กลับมาทำงานหลังจบปริญญาตรีเพื่อหาประสบการณ์
ก่อนเดินทางไปเรียนปริญญาโทต่อที่สหรัฐอเมริกา)
– 2536 บริษัทเมืองไทยประกันชีวิต เจ้าหน้าที่ฝ่ายฝึกอบรมและพัฒนา
– 2537 ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวางแผน
– 2538 ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผน
– 2539 ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ
– 2544 รองกรรมการผู้จัดการ
– 2545 กรรมการรองกรรมการผู้จัดการ
– 2547 กรรมการผู้จัดการ