เก็บตกจากออสการ์

รางวัลออสการ์ถือว่าเป็นรางวัลทางภาพยนตร์ที่ได้รับความเชื่อถือสูงสุดในโลก ทั้งนี้ เพราะได้รับความเชื่อถือสูงสุดในฮอลลีวู้ด ซึ่งเป็นแหล่งอุตสาหกรรมใหญ่ที่สุดในกลุ่มภาพยนตร์โลก

สาเหตุหนึ่งของความเชื่อถือยังมาจากการที่รางวัลนี้ใช้ระบบการโหวตโดยสมาชิกจำนวนมาก ทำให้มีผู้เกี่ยวข้องกับการคัดเลือกรางวัลอย่างกว้างขวาง โอกาสเบี่ยงเบนเกินเหตุหรือวินิจฉัยผิดพลาดร้ายแรงจึงไม่มี เพราะสมาชิกทั้งหมดนั้นคือคนที่ทำงานในแวดวงฮอลลีวู้ดหลายพันคน

ภาพยนตร์เข้ารอบแต่ละปี เลือกโดยกรรมการที่อยู่ในสายอาชีพเดียวกับรางวัล เช่น รางวัลเครื่องแต่งกาย คัดเลือกโดยผู้ที่มีอาชีพออกแบบเครื่องแต่งกาย หลังจากนั้นจึงให้สมาชิกทั้งหมดในสายอาชีพใดก็ตาม ร่วมกันโหวตเสียงรางวัลทั้งหมด โดยกาเลือกบนแผ่นโหวตเสียง ที่สถาบัน อคาเดมี่ อวอร์ด จัดส่งถึงบ้านทางโปรษณีย์ พร้อมวิดีโอภาพยนตร์ที่ได้เข้าชิงทั้งหมด นั่นเป็นเหตุผลว่าบางครั้งผู้ได้รับรางวัลออสการ์ในที่สุด อาจค้านสายตาประชาชนอยู่บ้าง เพราะคนโหวตมาจากหลายแขนงงาน แต่ก็ไม่ได้ถึงกับค้านสายตาอย่างย่ำแย่ เพราะคนเลือกเป็นผู้ชำนาญการ

รางวัลออสการ์ไม่เกี่ยวกับความนิยมของหนัง และส่วนใหญ่แล้วจะสวนทางกับความนิยมมากกว่า เพราะภาพยนตร์รายได้ดี 95 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้รับรางวัล มีเพียงสองครั้งในรอบประวัติศาสตร์เท่านั้นที่หนังทำรายได้สูงสุดแห่งปี ได้รับคัดเลือกให้รับตำแหน่งภาพยนตร์ยอดเยี่ยมรางวัลออสการ์ด้วยคือ ในกรณี Titanic และ The Lord of the Rings

ทว่าส่วนใหญ่แล้วหนังที่ได้ออสการ์มักเป็นหนังที่ได้รับความสนใจจากตลาดไม่มาก เช่นเดียวกับในปีล่าสุด 2004 นี้ที่หนังเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมมีเพียงเรื่องเดียวที่ทำรายได้ติดอันดับร้อยภาพยนตร์รายได้สูงสุดแห่งปี คือเรื่อง Ray ที่รายได้ติดอันดับ 39 แต่หนังเรื่องอื่นรวมทั้งเรื่องที่ได้เข้าชิงมากที่สุด คือ The Aviator ทำรายได้ในอเมริกาเหนือไม่ดีเลย

รางวัลออสการ์จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นรางวัลเกียรติยศเพื่อศิลปะและการสร้างสรรค์จริงๆ จึงมีผู้สร้างจำนวนมากที่มุ่งหวังได้รับออสการ์ เห็นได้จากในช่วงสองเดือนก่อนออสการ์ จะมีหนังจำนวนมากออกมาเพื่อโอกาสติดตาสมาชิกให้โหวตเลือกมากขึ้น

หนังหลายเรื่องทุ่มงบประมาณโปรโมตเพื่อออสการ์โดยเฉพาะ กระทั่งล่าสุดได้มีการเลื่อนการจัดรางวัลออสการ์จากเดือนมีนาคม มาเป็นเดือนกุมภาพันธ์ โดยเหตุผลที่ว่า เพื่อให้ค่ายหนังใหญ่มีเวลาน้อยลงในการล็อบบี้สมาชิกด้วยวิธีต่างๆ หลังจากช่วงเทศกาลหยุดยาวช่วงคริสต์มาส และเพิ่มโอกาสให้หนังจากค่ายอิสระได้รับรางวัลมากขึ้น

ถึงแม้ออสการ์ไม่ได้เลือกหนังตรงที่ว่า เป็นหนังทำเงินหรือไม่ แต่ผลอีกด้านจากการเข้ารอบรางวัลออสการ์ ก็ทำให้หนังแต่ละเรื่องมีโอกาสใหม่ในการทำเงินได้เพิ่มขึ้น

โดยเฉพาะหนังที่ได้เข้ารอบออสการ์ในสาขาหลักๆ คือ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ผู้กำกับยอดเยี่ยม นักแสดงชายยอดเยี่ยม นักแสดงหญิงยอดเยี่ยมนั้น จะมีประโยชน์ทางธุรกิจทันทีตั้งแต่ในช่วงก่อนการประกาศรางวัล ยิ่งได้เข้าชิงออสการ์หลายสาขา ก็เป็นจุดโฆษณาเรียกความสนใจ ทำให้หนังมีผู้เข้าชมมากขึ้น และบริษัทหนังกล้าเพิ่มโรงฉายมากขึ้นด้วย เพราะหนังที่ได้เข้ารอบออสการ์มีจำนวนมากเป็นหนังที่ส่งออกมาเพื่อหวังกล่อง มีโอกาสได้ออกฉายไม่กี่โรง หรือ Limited Run เพื่อประหยัดต้นทุน

มาถึงตอนหลังจากได้รับรางวัลแล้ว หนังที่ได้เข้ารอบก็จะเพิ่มโรงฉายมากขึ้น และพอถึงตอนที่มีรางวัลออสการ์สี่สาขาใหญ่ติดตรา หนังก็จะมีรายได้จากการฉายมากขึ้น และหากออกโรงไปแล้ว ก็มีโอกาสกลับมาเปิดโรงฉายใหม่ เมื่อทำเป็นดีวีดีหรือวิดีโอยอดจำหน่ายก็สูงขึ้น บางครั้งเก็บเงินได้มากกว่าที่เคยได้กว่าเท่าตัวทีเดียว

จากข้อมูลในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด พบว่าหนังที่ได้รับออสการ์รางวัลใหญ่ๆ มีโอกาสทำเงินเพิ่มขึ้น 30-60 ล้านดอลลาร์เฉพาะการฉายในสหรัฐอเมริกาอย่างเดียว เช่น ภาพยนตร์เรื่อง American Beauty ที่มีรายได้ในประเทศจาก 70 ล้านก่อนออสการ์เพิ่มเป็น 130 ล้าน ภายหลังจากได้รับออสการ์ในปี 2000

มีผู้วิเคราะห์จากข้อมูลจริงไว้ว่า ตัวหนังที่ได้รับภาพยนตร์ยอดเยี่ยมโดยปกติจะทำรายได้เพิ่มขึ้นทันที 20-40 ล้านดอลลาร์ ส่วนตัวดารานำยอดเยี่ยมจะทำรายได้เพิ่มขึ้นรายละ 4-5 ล้านดอลลาร์ นอกจากนั้นตัวหนังยังมีโอกาสติดโรงฉายนานกว่าหนังที่ไม่ได้เข้าชิงรางวัลมากถึง 2 เท่า โดยได้ฉายราวหกเดือน ขณะที่หนังทั่วไปเข้าฉายนานราว 11 สัปดาห์

ผลประโยชน์ของหนังติดรางวัลออสการ์สาขาหลักๆ คือ หลังจากนั้น อีกกี่สิบปีต่อไปก็ตาม โดยปกติแล้ว ไม่เฉพาะแต่ในอเมริกา หากไม่ว่าที่ไหนในโลกนี้ ผู้คนส่วนใหญ่แทบจะแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ให้ความสนใจหนังฮอลลีวู้ดที่มีตราออสการ์เป็นรางวัลหน้าปกวิดีโอหรือแผ่นดีวีดี ทำให้มีโอกาสสูงกว่าที่จะถูกซื้อหรือเช่าไปดูด้วย

ยิ่งได้รางวัลออสการ์มาก ประเภท 6-7 รางวัลขึ้นไป โอกาสที่คนเช่าวิดีโอเพื่อดูหนังฮอลลีวู้ด 100 คน ต้องดูหนังเรื่องนั้นด้วยก็แทบมีทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์

หนังที่เคยเป็นหนังทุนน้อย การประชาสัมพันธ์จำกัด ก็จะได้ประโยชน์จากการติดรางวัลออสการ์สาขาหลักๆ โดยทันที ให้มีศักดิ์ศรีเป็นที่กล่าวขาน พูดถึง และหนึ่งในเรื่องที่ควรชม ที่จริงแล้วทำให้ได้รับความสนใจมากกว่าหนังออสการ์จากค่ายใหญ่ด้วยซ้ำ เพราะถือว่าต้องเป็นหนังที่ดีมากจริงๆ ถึงเอาชนะหนังที่มีทุนสร้างสูงกว่าได้

ส่วนหนังที่แค่เคยได้เข้าชิงรางวัล มีโอกาสแป๊บเดียวที่จะเรียกรายได้เพิ่ม แต่เมื่อถึงวันประกาศรางวัลแล้ว ก็ไม่อาจเอาการเคยได้เข้าชิงมากอ้างเรียกความสนใจทำรายได้เพิ่มจากคนดูได้อีก ขณะที่ในตัวของดาราแต่ละคนนั้น การ ”เคย” ได้เข้าชิงก็ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ใส่ในประวัติการทำงาน และได้รับความสนใจในการเรียกตัวไปเล่นหนังเพิ่มขึ้น

สำหรับรางวัลอื่นๆ ที่จัดแจกอยู่ในฮอลลีวู้ดเช่นกัน ไม่มีผลใดๆ ต่อการทำรายได้เหมือนออสการ์ ไม่ว่าจะเป็นรางวัลลูกโลกทองคำ โหวตและมอบรางวัลโดยสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งฮอลลีวู้ด รางวัลไดเร็กเตอร์ กิลด์ อวอร์ด โหวตและมอบรางวัลโดยสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์แห่งฮอลลีวู้ด รางวัลสครีน แอคเตอร์ กิลด์ อวอร์ด โหวตและมอบรางวัลโดยสมาคมนักแสดงภาพยนตร์แห่งฮอลลีวู้ด ผลประโยชน์ที่รางวัลเหล่านั้นมีเพียงอย่างเดียว คือการเพิ่มความสนใจให้ผู้ที่ได้รับรางวัลในแต่ละสาขา มีโอกาสได้รับรางวัลออสการ์เพิ่มขึ้น

นอกเหนือจากการเพิ่มรายได้ต่อหนังที่เข้าชิงและได้รับรางวัลในจำนวนหนึ่งแล้ว ออสการ์ยังถือเป็นเครื่องกระตุ้นความสนใจของชาวโลก ต่อวงการภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด ในการจัดมอบรางวัลที่มีดาราจำนวนมากมาปรากฏตัว ถ่ายทอดและเป็นข่าวเป็นทั่วโลก ถือเป็นการประชาสัมพันธ์อย่างดีเยี่ยม และสร้างรายได้ให้สมาคมผู้จัดงานเอง เพื่อเป็นเงินทุนพัฒนาวงการต่อไป

ทั้งหมดจึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมรางวัลออสการ์มีคุณค่าและเป็นเกียรติยศ เพราะเป็นรางวัลที่เล่นพรรคพวกไม่ได้ ถึงแม้จะมีการโหวตให้เพื่อนบ้าง แต่เสียงโหวตที่มีจำนวนมากทำให้ท้ายสุดการเล่นพรรคพวกก็ไม่ได้ผล ส่งผลให้เป็นรางวัลที่คนทั่วโลกยอมรับ

ออสการ์ยังมีผลชัดเจนในการทำให้คนดูยอมซื้อตั๋วเข้าชมหนังเพิ่ม กลายเป็นการประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดอย่างดี ซึ่งทั้งหมดนี้มาจากความศรัทธาต่อกระบวนการคัดเลือกรางวัลของคนดูภาพยนตร์นั่นเอง