Green Label เจาะหนุ่มกระเป๋าหนักรักผจญภัย

วาง positioning เป็นวิสกี้ลำดับที่ 3 ในระดับ super deluxe ของตระกูล Johnnie Walker ซึ่งมีความแตกต่างจากวิสกี้อื่นๆ ในตระกูลนี้ คือ เป็นวิสกี้ตัวเดียวที่เป็น blended malt whisky แบบเพียวๆ ไม่มีส่วนผสมของ grain whisky (ซึ่งทำให้แรกเริ่ม Green Label มีชื่อว่า Pure Malt) เน้นจับกลุ่มคอวิสกี้ระดับสูงสุดซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รักการเดินทางชื่นชอบแสวงหาสิ่งใหม่ๆ สำหรับการใช้ชีวิต หรือ young hipsters อายุ 30-35 ปี โดยบุคคลเหล่านี้จะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน มั่นใจในตัวเอง และชอบความแตกต่าง และรักการเดินทาง ซึ่ง Green Label ก็เหมาะกับการดื่มกลางแจ้ง ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ การดื่มด่ำอย่างสุนทรีย์ท่ามกลางไอฝนปนไอแดด คือเสน่ห์ของ Green Label

ดังนั้นวันเปิดตัว Green Label จึงเลือกใช้สถานที่กลางแจ้งบริเวณ Court Yard โรงแรมสุโขทัย (ถัดจากนั้นไม่กี่วัน งานปาร์ตี้แบบ exclusive ของ Gold Label ก็จัดขึ้นบริเวณเดียวกัน) ซึ่งโรงแรมสุโขทัย ก็เป็น 1 ในพันธมิตรธุรกิจกับทาง Johnnie Walker ซึ่งมักจัดกิจกรรมร่วมกันเสมอๆ

สอดรับกับแคมเปญ “ท่องโลก 4 อารมณ์กับ Green Label” ร่วมกับนิตยสาร Nature Explorer ซึ่งเป็น awareness campaign โดยจะเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวเลื่องชื่อของโลก คือ Averest Best Camp ที่เนปาล, Affrica Safari, Scotland และ Egypt ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์หลัก experiential marketing “ทำอย่างไรจะหาผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายให้เจอได้เร็วกว่ากัน และต้องรีบเข้าหา เปลี่ยนความคิดให้เขาชื่นชอบในตัวผลิตภัณฑ์เรา” วรรัตย์ จรูญสมิทธิ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ริชมอนเด้ (บางกอก) จำกัด บอก

แม้มูลค่าตลาดวิสกี้ระดับ super deluxe จะมีเพียง 200 ล้านบาท จากตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นำเข้าซึ่งมีมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท แต่คาดว่าปี 2548 นี้ ตลาด super deluxe จะเติบโตประมาณ 30% เป็นประมาณ 260 ล้านบาท ดังนั้นริชมอนเด้จึงทุ่มทุนกว่า 50 บาทในการทำตลาดครั้งนี้

การเปิดตัว Green Label ฉลากสีที่ห้าของริชมอนเด้ในครั้งนี้มิได้หมายมั่นปั้นมือที่จะช่วงชิงในตลาดวิสกี้ super deluxe เช่น Ballantine’s Pure Malt เท่านั้น หากแต่เล็งผลเลิศถึงขั้นฟาดฟันกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดอื่นๆ ที่อยู่ในระดับเดียวกัน ทั้งไวน์ และคอนญักเป็นต้น และคาดว่าผู้บริโภคจากกลุ่มนี้จะกลายมาเป็นลูกค้าของ Green Label ด้วย

“การแข่งขันในตลาดบนรุนแรงพอสมควร มีผู้เล่นเข้ามาในตลาดมากขึ้นทั้งวอดก้า ยิน และวิสกี้เองด้วย ซึ่งล้วนแต่แย่งชิงตลาดเดียวกัน”

Key positioning

• บริษัทแม่มีความแข็งแกร่ง (ดิเอจิโอ สกอตแลนด์)
• แคมเปญตอบรับ lifestyle ของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย
• ภาพลักษณ์ความหรูหราและฉีก positioning แตกต่างจากวิสกี้อื่นๆ
• เน้นเจาะตลาดตามผับบาร์ระดับสูง ซึ่งเป็นแหล่งรวมกลุ่มเป้าหมาย

ตระกูล Johnnie Walker

วิสกี้ระดับ super deluxe
– Blue Label ราคาขวดละ 5,800 บาท
– Gold Label ราคาขวดละ 2,450 บาท
– Green Label ราคาขวดละ 1,350 บาท

วิสกี้ระดับ deluxe
– Black Label ราคาขวดละ 989 บาท

วิสกี้ระดับ premium
– Red Label ราคาขวดละ 560 บาท

Did you know ?

เดิมที Green Label มีชื่อว่า Pure Malt เริ่มผลิตเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2541 คุณสมบัติเฉพาะตัวของ Green Label เกิดจากส่วนผสม malt whisky 15 ชนิด ซึ่งให้กลิ่นและรสชาติที่แตกต่าง เช่น กลิ่นไม้โอ๊ก ควันถ่านไม้ โกโก้ ไม้ซีดาร์ ไม้สน และแอปปริคอต เป็นต้น

สำหรับ “Perfect Serve” คือ การดื่มแบบ On the Rock ใส่น้ำแข็งเพียง 1-2 ก้อน เขย่าแก้วเล็กน้อย จะปรากฏ Fusil Oil หรือน้ำมันวิสกี้กลั่นตัวออกมา ซึ่งด้วยส่วนผสมจาก single malt ที่มีเอกลักษณ์ทำให้รสชาติของ Green Label เปลี่ยนแปลงทุกครั้งที่ดื่ม ซึ่งทางริชมอนเด้ต้องการสร้างเทรนด์นี้ให้เกิดขึ้นในเมืองไทย เนื่องจากผู้บริโภควิสกี้ทุกระดับยังนิยมดื่มแบบผสมกับเครื่องดื่มชนิดอื่นอยู่

Website

www.diageo.com
www.johnniewalker.co.th