30 ยังแจ๋ว

หลังจากเปิดตัว ซันซิล โยเกิร์ต เมื่อต้นปี 2547 สร้างกระแสผมมีน้ำหนักจนประสบความสำเร็จมียอดขายเป็นอันดับ 1 ในทุก variant ของซันซิล และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดรวมปีที่ผ่านมาโตขึ้นร้อยละ 4 จากปี 2546 เริ่มต้นปี 2548 ซันซิลเปิดเซ็กเมนต์ใหม่ ครีเอตนวัตกรรม “ซันซิล เอจจิ้ง แคร์” เพื่อการดูแลเส้นผมที่แปรเปลี่ยนไปตามสภาพอายุเป็นรายแรกในไทย สนองความต้องการผู้หญิงไทยวัย 30 ปีขึ้นไป อีกทั้งเพื่อยึดบัลลังก์ไว้ให้เหนียวแน่นภายใต้การแข่งขันของตลาดที่รุนแรง

วรรณิภา ภักดีบุตร กรรมการผู้จัดการผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ส่วนบุคคล บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ให้รายละเอียดเกี่ยวกับน้องใหม่ล่าสุดของตระกูลซันซิล ว่า ยูนิลีเวอร์ ไทยฯ พัฒนาและทดสอบเกี่ยวกับซันซิลสูตรย้อนวัยเส้นผมมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 2 ปี ถึงแม้ว่าขณะนี้จะมีผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมมากมาย แต่ยังมีช่องว่างทางการตลาดที่ไม่ได้ถูกเติมเต็ม และเราค้นพบว่าสภาพเส้นผมเริ่มเปลี่ยนสภาพเมื่ออายุ 30 ปีขึ้นไป เนื่องจากผ่านขบวนการเสริมแต่งเส้นผมมายาวนาน และเสื่อมสภาพตามกาลเวลา ซันซิล เอจจิ้ง แคร์ จึงก่อเกิดขึ้นเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจแก่ผู้หญิงกลุ่มนี้

ช่างประจวบเหมาะกับข้อมูลทางประชากรศาสตร์ของประเทศไทยที่มีจำนวนประชากรวัย 30 ทั้งหญิงชายรวมกันมากกว่า 33 ล้านคนเกินครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งประเทศ นับเป็นตลาดที่เจาะกลุ่มผู้บริโภคขนาดใหญ่มาก เนื่องจากที่สุดแล้วไม่เฉพาะผู้หญิงเท่านั้นที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของ ซันซิล เอจจิ้ง แคร์ กลุ่มผู้ชายวัย 30 ปีขึ้นไปก็อยู่ในกลุ่มที่คาดว่าจะเป็นลูกค้าของนวัตกรรมนี้เช่นกัน

ด้วยปัจจัยด้านกายภาพ ความหยาบกร้านขาดประกายเงางามของเส้นผม ส่งผลกระทบให้ผู้หญิงวัย 30 ซึ่งมักมีความพร้อมด้านครอบครัว หน้าที่การงาน แต่กลับสูญเสียความมั่นใจในเรื่องเส้นผม และนี่คือโอกาสของ ซันซิล เอจจิ้ง แคร์ ปิยนุช ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์ซันซิล บอก โดยในช่วงแรกจะเน้นให้ข้อมูลกับกลุ่มเป้าหมายเพื่อให้เข้าใจว่าผมสามารถเสื่อสภาพตามอายุได้ และช่วงต่อไปจะสร้างความมั่นใจให้กับสาววัย 30 ให้มีความรู้สึกว่า 30 ยังสาวและสนุกได้โดยไม่กังวลเรื่องสภาพเส้นผม

ตลาดผลิตภัณฑ์ถนอมผิวมี ผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอยมานาน และมีผู้เล่นมากราย พอนด์ของยูนิลีเวอร์เองก็สร้างผลงานที่น่าพอใจ ต้องรอดูว่าซันซิลผู้บุกเบิกตลาดย้อนวัยให้เส้นผมจะประสบผลสำเร็จเพียงใด กับงบการตลาดกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นนวัตกรรมตัวที่ 2 ต่อจากซันซิล โยเกิร์ต ที่ยูนิลีเวอร์ทุ่มทุนสร้างด้วยเม็ดเงินขนาดนี้ ทั้งยังคาดหวังว่าจะมีส่วนแบ่งทางการตลาด 5%

ดาบนี้ซันซิลตั้งใจที่จะกระหน่ำแทงคู่แข่งซึ่งมีส่วนแบ่งทางการตลาดปี 2547 ลดลงจากปี 2546 อย่างแพนทีนและแครอล ไม่ให้แผลงฤทธิ์ได้หรือไม่ และพีแอนด์จีจะงัดกลยุทธ์ใดมาต่อกร อีกไม่นานได้รู้กัน

Key to success

• กลยุทธ์ผนวกปัจจัยด้านกายภาพ (สภาพผมที่เสื่อมตามวัย) กับปัจจัยด้านอารมณ์และสังคม (การยอมรับ ความมั่นใจ) น่าจะช่วยทำให้กลุ่มเป้าหมายเห็นความสำคัญของผลิตภัณฑ์
• การทำการตลาดด้วยงบมหาศาล ซึ่งครอบคลุมทุกสื่อ ช่วยเร่งเร้าให้เกิดการบริโภค
• ความเป็นนวัตกรรมยังคงใช้ได้ดี ทำให้กลุ่มเป้าหมายเกิดความรู้สึกอยากทดลองใช้
• ฐานประชากรกว่า 33 ล้านคน

1. มูลค่ารวมตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อการบำรุงและดูแลรักษาเส้นผม
2003 = 8,674 ล้านบาท
2004 = 9,003 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 3.7 %
ตลาดแชมพู
2003 = 6,507 ล้านบาท
2004 = 6,731 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 3.4%
ตลาดครีมนวดผม
2003 = 2,166 ล้านบาท
2004 = 2,273 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 5.0%

2. ส่วนแบ่งทางการตลาด ปี 2547 (แยกตามค่าย)
ยูนิลีเวอร์
ซันซิล 29.1 %
คลินิก เคลียร์ 12.4%
โดฟ 10 %
พีแอนด์จี
แพนทีน 13.5%
เฮด แอนด์ โชว์เดอร์ 6.7%
รีจอยส์ 6.7%
แครอล 1.7%
คาโอ
แฟซ่า 6.2%
ยูนิลีเวอร์ 52%
พีแอนด์จี 28.8%
คาโอ 7.2%