หลังจากจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ แถลงข่าว กำไรสูงสุดในรอบ 22 ปี สัดส่วนรายได้ของธุรกิจเพลงยังคงสูงสุดด้วยสัดส่วน 58 เปอร์เซ็นต์ของรายได้รวมทั้งกลุ่ม จากจำนวนอัลบั้มที่เพิ่มขึ้นจากปี 2546 มีอยู่ 187 เพิ่มขึ้นอีก 31 อัลบั้ม หากมองจากกลุ่มของเพลงที่ประสบความสำเร็จในของแกรมมี่ ไม่ว่าจะเป็น เบิร์ด, เสก, ต่ายอรทัย (ลูกทุ่ง), Silly Fools, พลพล, ลานนา คัมมินส์ และ Endorphine จะเห็นได้ว่าต่างเป็นกลุ่มผู้นำในแต่ละกลุ่มของตัวเองอย่างชัดเจน ซึ่งในแง่ของแมสล้านตลับอย่างเบิร์ด เสก และต่ายอรทัย ก็ยังดึงกลุ่มตลาดแนวกว้างไว้ ในขณะที่กลุ่มศิลปินหน้าใหม่ก็เปิดตลาดแนวลึกได้อย่างเฉพาะเจาะจง และมีกลุ่มผู้ฟังที่ชัดเจน
“ถือได้ว่าจะเป็นการเปลี่ยนโฉมหน้าการบริหารของธุรกิจเพลงหลักของเราเลย โดยเฉพาะโครงสร้างธุรกิจ เพราะต้นทุนสูงมาก ถ้าลดต้นทุนได้ กำไรจะขึ้นเองทั้งๆ ที่ใช้ต้นทุนเท่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการจัดจำหน่าย หรือการโปรโมต” สุเมธ ดำรงชัยธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส สายงานสนับสนุนกลางและพัฒนาธุรกิจ
แม้ว่าจำนวนอัลบั้มที่มีในปีนี้อยู่ที่ประมาณกว่า 200 กว่าอัลบั้ม แต่แนวทางใหม่ของแกรมมี่ คือการจัดหมวดหมู่อัลบั้มให้มีความชัดเจน ว่าเป็นอัลบั้มสำหรับลูกค้าระดับแมส หรือลูกเฉพาะกลุ่ม เนื่องจากในแง่ของการบริหารจะมีความแตกต่างทั้งการวางแผนในเรื่องการวางจำหน่ายสินค้า ต้นทุนการใช้สื่อ การควบคุมสินค้ารับคืน รวมไปถึงการบริหารผ่านช่องทางใหม่ที่จะเกิดขึ้นผ่าน e-business
“ปีนี้เราจะทำให้เงื่อนไขทางด้านการตลาดมีทางเลือก ออกสินค้าหลายหลากมากขึ้น ราคาของแผ่นซีดีไม่จำเป็นราคาเดียวกันทั้งหมด เพื่อให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย เราจะทำการตลาดให้เป็นเซ็กเมนต์มากขึ้น ตอนนี้เราไม่ได้มีแต่ MGA อย่างเดียว หน่วยขายของเราที่เข้าไปในหลายๆ ที่ แม้แต่หน่วยขายซีดีที่อาจจะเดินขายตามบ้านเราก็มี… ความหลากหลายจะเกิดขึ้นเพื่อสอดคล้องกับเงื่อนไขของการตลาด”
เป็นคำกล่าวของ ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ในเรื่องของแนวโน้มหลักของธุรกิจเพลง ที่จำเป็นต้องมีการบริหารและการทำงานเพลงที่ “define target group” อย่างมีความชัดเจน รวมถึงการจัดคอนเสิร์ต กิจกรรม และบริการที่จะตามมาในปีนี้ของแกรมมี่จะอยู่บนพื้นฐานที่ “หลากหลาย” และ “จับกลุ่มที่ชัดเจน” ทั้งหมด
“ทำให้คาดหวังว่าปีนี้น่าจะมีผลรายได้หรือกำไรมากกว่าปีที่แล้ว มันคงเกิดจากกิจกรรม และช่องทางจัดจำหน่ายที่มันเกิดขึ้นเองจากเทคโนโลยีที่เราตามอย่างค่อนข้างใกล้ชิด” ประธานกรรมการ บริษัทจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) กล่าว เพราะแม้ว่าจะดำเนินธุรกิจแบบเดิม แต่ถ้าใช้หลักบริหารแบบใหม่ ยอดกำไรที่ว่าก็น่าจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโอกาสของช่องทางดิจิตอลที่จะตามมาให้เห็นอย่างมีสีสันในปีนี้ ตามความเห็นของเขา
Website