ปรากฏการณ์ไม่รู้จบของเรียลลิตี้ทีวีในอเมริกา

หากเปรียบวิวัฒนาการของรายการเรียลลิตี้โชว์ในสหรัฐอเมริกากับการเจริญเติบโตของเด็กน้อยไปสู่วัยผู้ใหญ่…รายการเรียลลิตี้ของอเมริกาขณะนี้ผ่านพ้นช่วงคลาน ช่วงก้าวเดินเตาะแตะไปแล้ว ตอนนี้เข้าสู่การวิ่ง…เป็นการวิ่งที่ค่อนข้างจะเร็วและแรงด้วย…

ปลายเดือนที่ผ่านมา สถานีโทรทัศน์เอ็นบีซีประกาศเปิดตัว 6 รายการเรียลลิตี้โชว์ ที่จะออกอากาศช่วงปิดเทอมซัมเมอร์นี้ในอเมริกา โดยแบ่งเป็น 3 ช่วง

ช่วงแรก ปลายเดือนมิถุนายน เริ่มจาก รายการใหม่ถอดด้าม I Want To Be A Hilton ผลิตโดย Endemol USA ผู้ผลิตเดียวกับ Big Brother และ Fear Factor ต่างกันที่มีหัวเรือใหญ่ Rick Hilton เป็นหนึ่งใน Executive Producers หลังจากที่ทำรายการให้ลูกสาว Paris Hilton ประสบความสำเร็จในเรียลลิตี้ The Simple Life แล้ว ผู้เป็นมารดา Celebrity ไฮโซขนานแท้อย่าง Kathy Hilton อยากจะมีเรียลลิตี้โชว์ของตัวเองบ้าง

โชว์นี้ เธอจะมาทำหน้าที่คัดเลือกผู้ชนะ จากผู้แข่งขันทั้งหมด 14 คน ที่จะมาใช้ชีวิต Celebrity อย่างครอบครัว Hilton ของเธอ โดยได้พักฟรีที่โรงแรม Waldorf-Astoria ซึ่งเป็นโรงแรมในเครือของ Hilton ในนิวยอร์กเป็นเวลานานถึงหนึ่งปีเต็ม รายการนี้จะออกอากาศทุกสองทุ่มวันอังคาร เริ่มจากอังคารที่ 21 มิถุนายนนี้

จากนั้นสัปดาห์ต่อมาตามด้วย รายการคู่นัดคู่เดต คล้ายๆ กับ The Bachelor/The Bachelorette ของช่อง ABC คือ Average Joe 4 : The Joes Strike Back ซึ่งออกอากาศครั้งแรกเมื่อสองปีก่อน โดยมี Stuart Krasnow และ Andrew Glassman ร่วมเป็น Executive Producers ตอนนี้เป็นภาคที่ 4 แล้ว

ภาคนี้ นางแบบสาวสวย Anna Chudoba ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเข้าร่วมแข่งขันใน Fear Factor คราวนี้เธอเป็นผู้เลือกชายหนุ่มที่จะกลายมาเป็นคนข้างกายของเธอ จากบรรดาหนุ่มธรรมดาๆ จำนวน 28 คน กับหนุ่มหล่อรูปงามประมาณหุ่นนายแบบอีก 7 คนที่จะมาฟาดฟันเอาชนะใจเธอ

งานนี้มีเซอร์ไพรส์ที่ตาฮิติเป็นโบนัสพิเศษ Average Joe 4 จะออกอากาศในวันเวลาเดียวกับ I Want To Be A Hilton ซึ่งจะเลื่อนไปเป็นเวลาสามทุ่ม เรียกว่าจับคนดูแบบหนึบเลยไม่ให้เปลี่ยนช่องไปไหน…

ช่วงที่ 2 เริ่มจากวันที่ 27 กรกฏาคมเวลา 3 ทุ่ม จะเริ่มออกอากาศ The Law Firm ที่ครีเอตโดย David Kelly ผู้ผลิตรายการโทรทัศน์เจ้าเก่าของ NBC ร่วมกับ Renegade 83 Production ผู้ผลิตเรียลลิตี้ The Surreal Life และ Blind Date

สำหรับเรียลลิตี้ The Law Firm นี้มีทั้งหมด 8 ตอน เป็นเรื่องราวชีวิตจริงของทนายความ 12 คนที่จะแข่งขันกันเพื่อเงินรางวัลจำนวน 250,000 เหรียญสหรัฐ โดยใช้ case จริงในแต่ละสัปดาห์ และมีโอกาสได้ร่วมงานกับบริษัททนายความดังๆ ซึ่งรูปแบบรายการจะคล้ายกับ The Apprentice ของ Donald Trump ที่แต่ละสัปดาห์ผู้แข่งขันจะถูกแบ่งเป็นทีมและมีการให้งานไปทำ เพื่อดูฝีมือกลยุทธ์ในการต่อสู้คดีของแต่ละทีม และการมีบทบาทของผู้แข่งขันแต่ละคน ทีมไหนแพ้ คนในทีมนั้น 1 คนจะถูกไล่ออก จนสุดท้ายมีผู้ชนะเพียงคนเดียว โดยมี Roy Black ทนายความชื่อดังเป็นผู้ตัดสินเหมือน Mr. Trump

ปลายเดือนกรกฎาคมหรือต้นสิงหาคม เป็นคิวของ Meet Mister Mom รายการใหม่ที่เป็นการผสมผสานระหว่างรายการ Wife Swap ของช่อง ABC ที่เป็นการสลับเปลี่ยนภรรยาของ 2 ครอบครัว กับภาพยนตร์ตลกเรื่อง Mr. Mom (ค.ศ. 1983) ที่มี Micheal Keaton สวมบทบาทเป็นพ่อผู้ตกงานต้องทำหน้าที่พ่อเรือนแทนภรรยาผู้ออกไปทำงานนอกบ้าน หรือเรื่อง Mrs. Doubtfire (ค.ศ. 1993) ที่มี Robin Williams สามีไม่เอาถ่าน ปลอมตัวเป็นแม่บ้านเพื่อเข้าใจและเอาชนะใจภรรยาที่กำลังหาทางหย่า…เรียลลิตี้ Meet Mister Mom เป็นการจับตาดู 2 ครอบครัวที่ภรรยาถูกส่งไปพักผ่อนตากอากาศสุดหรูขณะที่ทิ้งให้สามีทำหน้าที่พ่อบ้านดูแลทั้งบ้านและลูกๆ อย่างโดดเดียวเป็นเวลา 1 สัปดาห์ จากนั้นเมื่อครอบครัวคืนสู่เหย้าอีกครั้ง ลูกๆ จะทำหน้าที่เป็นผู้เล่าเรื่องของการจัดการและปรับตัวภายในครอบครัวในช่วง 1 สัปดาห์ที่แม่ไม่อยู่ งานนี้มีทั้งน้ำตาและเสียงหัวเราะแน่ๆ

ปิดท้ายช่วงที่ 3 วันอังคารที่ 9 สิงหาเริ่มจากเวลาสองทุ่ม จะเป็นซีซั่นที่ 2 ของ The Biggest Loser ที่มีความยาวถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง เป็นการแข่งขันลดน้ำหนักของผู้ที่มีน้ำหนักเกินจำนวน 14 คน มาเข้าคอสเทรนนิ่งจากมืออาชีพ ผู้ชนะจะเดินจากไปด้วยหุ่นงามและสุขภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พร้อมเงินรางวัล 250,000 เหรียญฯ

จบรายการนี้ในวันเดียวกัน ตามมาด้วยตอนแรกของ Tommy Lee Goes To College เรียลลิตี้ครึ่งชั่วโมง ติดตามชีวิตของร็อกสตาร์พ่อม่ายลูกสอง วัย 42 ปีที่ต้องการใช้ชีวิตเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัย Nabraska ที่ Licoln ซึ่งเขาต้องทำตัวเหมือนนักศึกษาทั่วไปคนหนึ่งที่ต้องเข้าพบอาจารย์ เข้าห้องเรียน ทำกิจกรรมต่างๆ ซึ่งผู้บริหารของ UNL เข้าใจว่าการถ่ายทำเรียลลิตี้นับเป็นความเสี่ยงของมหาวิทยาลัยเองด้วยในเรื่องของภาพพจน์ แต่ UNL ก็ยอมเสี่ยง เพราะรายการนี้เป็นการโปรโมตมหาวิทยาลัยไปในตัว ซึ่งจริงๆ ก็ดังอยู่แล้ว อีกทั้ง NBC ตกลงจะรับนักศึกษา UNL ไปฝึกงานด้วย

จากรายการเรียลลิตี้ทั้งหมดข้างต้นนั้น กล่าวได้ว่า NBC ทำการโหมโรงเรียลลิตี้โชว์ช่วงปิดเทอมอย่างหนัก ซึ่งวัยรุ่นวัยนักศึกษากลุ่มเป้าหมายใช้เวลาอยู่กับบ้านมากในช่วงนี้ นอกจากนี้ ยังเป็นการปูทางจับโฆษณาให้มีมาตลอดทั้งซัมเมอร์ไปจนถึงช่วงต้นของฤดูกาล Fall ในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้

สถานี ABC ก็ไม่ยอมเสียตลาด ตัดหน้า I Want To Be A Hilton ของ NBC ไปหนึ่งสัปดาห์ ออกอากาศรายการเรียลลิตี้รายการใหม่ The Scholar ต้อนรับปิดเทอมในวันจันทร์ที่ 6 มิถุนายนนี้ เป็นรายการเกี่ยวกับคัดเลือกคนเก่งระดับมัธยมจำนวน 10 คน เข้าไปศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำของอเมริกา นักเรียนแต่ละคนต้องแสดงความสามารถด้านสติปัญญา การเป็นผู้นำ นักคิดสร้างสรรค์ และการช่วยเหลือสังคม ซึ่งแต่ละสัปดาห์จะมีการสอบปากเปล่า ผู้ชนะจะได้รับทุนการศึกษาจำนวน 250,000 เหรียญฯ และเลือกเข้าศึกษาในโรงเรียนในฝัน…

ก่อนหน้านี้เพียง 1 เดือน ABC เพิ่งออกอากาศ Fallen Idol ซึ่งเป็นรายการเบื้องหลังการถ่ายทำรายการ American Idol ซึ่งเป็นเรียลลิตี้โชว์อันดับหนึ่งของอเมริกาในขณะนี้ Fallen Idol เกิดขึ้นหลังจากที่ Corey Clark หนุ่มวัย 24 ปี ผู้ตกรอบจาก American Idol จะตีพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับเบื้องหลังที่ไม่มีการออกอากาศ ซึ่งรวมถึงพฤติกรรมของ Paula Abdul หนึ่งในคณะกรรมการ และที่เป็นสีสสันมากกว่านั้นคือ เรื่องความสัมพันธ์ลับระหว่างเขากับ Paula ขณะถ่ายทำรายการ ซึ่ง Paula ยอมจ่าย 2 ล้านเหรียญฯ เพื่อปิดปากชายหนุ่ม…แต่ดูเหมือนจะไม่สำเร็จ

ด้านสถานี PBS ก็ไม่ยอมหลุดกระแส แม้ว่าจะเป็นช่องเกี่ยวกับสารคดีก็หวังดึงเรตติ้งด้านเรียลลิตี้ให้กลับมา หลังจากที่ไม่ประสบความสำเร็จในเรียลลิตี้ซีรี่ส์ An American Family ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นรายการเรียลลิตี้รายการแรกของอเมริกาที่เริ่มออกอากาศมาตั้งแต่ปี 1973 เป็นการถ่ายทำชีวิตจริงของ Lance Lord เกย์หนุ่มที่ในครอบครัวที่กำลังแตกแยก ซึ่งรายการไม่ได้รับการตอบรับที่ดีนักจากสื่อ

วันนี้ PBS กลับมาอีกครั้ง ลดดีกรีของความซีเรียสลงไปแต่ยังแฝงไปด้วยสาระ ด้วยรายการ Cooking Under Fire เรียลลิตี้ในรูปแบบของ Documentary อาหารสมอง ถ่ายทำในห้องครัว เพื่อสรรหาพ่อครัวมือหนึ่ง จากผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 12 คน เข้ามาร่วมงานกับพ่อครัว Celebrity ชื่อดัง Todd English แห่งนิวยอร์ก โดยรายการได้เริ่มออกอากาศไปแล้วเมื่อวันพุธที่ 11 พฤษภาคม ซึ่งจะมีทั้งหมด 12 ตอน

ในขณะที่หลายสถานีประกาศออกรายการเรียลลิตี้รายการใหม่หรือตอนใหม่ เพื่อเป็นการสร้างเรตติ้ง รายได้ในช่วงปิดเทอมนี้ แต่ MTV กำลังเผชิญกับปัญหาเรตติ้งตก หลังจากที่เรียลลิตี้โชว์จบไปติดต่อกันถึง 3 เรื่อง คือ รายการ Newlyweds : Nick & Jessica รายการ The Ashlee Simpson Show และรายการ The Osbournes

แม้ว่ารายการ The Real World ยังคงอยู่แต่ก็ไม่ฮอตเหมือนเดิมแล้ว เรียกว่า MTV อยู่ในยุคสวนกระแส อาจเป็นเพราะการทำรายการจับกลุ่มเฉพาะกลุ่มทีนเท่านั้นเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก เพราะวัยรุ่นกลุ่มทีนนี้เป็นวัยที่ชอบการเปลี่ยนแปลงและเบื่อง่ายตลอดเวลา ฉะนั้นอาจจะถึงเวลาแล้วที่ MTV จะติดค้นรายการในรูปแบบใหม่แต่ยังคงความเป็นเรียลลิตี้ เพื่อดึงเรตติ้งให้กลับมา

ปรากฏการณ์ไม่มีวันจบของเรียลลิตี้โชว์เหล่านี้เป็นการตอกย้ำคำกล่าวของ Prof. Robert Thompson ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษา Popular Television แห่งมหาวิทยาลัย Syracuse ที่กล่าวไว้กับ CNN เมื่อ 4 ปีก่อนในช่วงที่เรียลลิตี้ทีวีเริ่มบูมว่า “ผมคิดว่า เรียลลิตี้ทีวีโชว์เป็นมากกว่ากระแสหรือเทรนด์ ตอนนี้มันกลายเป็นรูปแบบหรือฟอร์มหนึ่งของรายการบันเทิงในอเมริกาไปแล้ว เหมือนกับรายการบันเทิงแบบอื่นเช่น ละครทีวี soap operas รายการการแพทย์ doctor shows หรือรายการเกี่ยวกับกฏหมาย legal show และผมคิดว่า รายการเรียลลิตี้จะอยู่กับเราไปอีกนานถึงรุ่นลูกรุ่นหลานของเรา”

เรียลลิตี้โชว์…สร้างฝันของคนเดินดินให้กลายเป็นคนดังบนจอทีวี
เมื่อรายการเรียลลิตี้โชว์แอปิโซสใหม่ๆ ในโทรทัศน์อเมริกายังมีแนวโน้มที่เกิดขึ้นมากมายเช่นนี้ แสดงว่าตลาดของรายการประเภทนี้ยังไปได้ดี แม้จะไม่ทุกรายการแต่เรียกได้ว่าเป็นส่วนใหญ่ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้…

ดร. Steven Reiss ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัย OSU ก็มีความสงสัยเช่นเดียวกัน และเขาจะเป็นผู้ช่วยไขข้อคำถามนี้ โดยเขากับลูกศิษย์ James Wiltz ได้ทำการวิจัยสำรวจพฤติกรรมของผู้ชมรายการเรียลลิตี้ในอเมริกา โดยแจกแบบสำรวจแก่ชาวอเมริกันจำนวน 239 คน เป็นหญิงจำนวน 167 คน ชาย 72 คน และในจำนวนนี้เป็นนักศึกษาระดับปริญญาตรีจำนวน 117 คน

นอกนั้นเป็นกลุ่มคนทำงานที่เกี่ยวกับเยาวชน จากรายงานวิจัย พบว่า คนอเมริกันส่วนใหญ่ชมรายการเรียลลิตี้โชว์ ไม่ใช่เพราะเป็นพวกถ้ำมองที่ ชอบแอบดูคนเปลื้องผ้า…ไม่ใช่เพราะต้องการมีเรื่องมาคุยกับเพื่อนหรือผู้ร่วมงาน…และไม่ใช่เพราะต้องการเปรียบเทียบระดับสติปัญญาของตนเองกับผู้ชมอื่นอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่เป็นเพราะ คนอเมริกันกลุ่มนี้เป็นคนที่ชอบการเปรียบเทียบ รักการแข่งขันมากกว่าคนที่ไม่ได้ดูรายการเหล่านี้ ซึ่งคนกลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับสถานะและภาพลักษณ์ของตนมาก ซึ่งหมายถึง การต้องการความสนใจ อันนำไปสู่จินตนาการความฝันว่า วันหนึ่งพวกเขาอาจจะเป็นหนึ่งใน Celebrity เหมือนกับผู้ที่เข้าแข่งขันในรายการเรียลลิตี้เหล่านั้นบ้าง…

* รายการเรียลลิตี้ของอเมริกาที่อันดับเรตติ้งสูงสุด 3 อันดับแรก ช่วง 2004-2005 Season ถึง วันที่ 24 เมษายน 2005

อันดับ
1. American Idol/สรรหานักร้อง
– สถานี : FOX
– วัน/เวลา : Tue/8:00 PM
– เรตติ้ง :15.9
– จำนวนผู้ชม :27,923,000

2 Survivor : Palau/เรียลลิตี้เกมโชว์
– สถานี : CBS
– วัน/เวลา : Thu/8:00 PM
– เรตติ้ง :12.3
– จำนวนผู้ชม :21,147,000

3 Apprentice/สรรหาบุคลากร
– สถานี :NBC
– วัน/เวลา : Thu/9:00 PM
– เรตติ้ง :10.3
– จำนวนผู้ชม : 15,942,000

ที่มา : Nielsen Media Research

* Top Reality Show ที่อเมริกันเฝ้าติดตามในช่วงปีที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน

ชื่อรายการ:—–สถานี :—–รูปแบบรายการ:—–กลุ่มเป้าหมาย ชาย/หญิง (อายุ 18-49):
1. American Idol
—–Fox
—–Talent Search
—–Both

2. Survivor
—–CBS
—–RealityGame Show
—–Both

3. The Apprentice
—–NBC
—–Talent Search
—–Both

4. The Office
—–NBC
—–Documentary
—–Both

5. Extreme Makeover: Home Edition
—–ABC
—–Makeover
—–Female

6. The Amazing Race
—–CBS
—–Reality Game Show
—–Both

7. Supernanny
—–ABC
—–Lifestyle Change
—–Female

8. The Simple Life 3
—–Fox
—–Docusoap
—–Male

9. Fear Factor
—– NBC
—– Reality Game Show
—–Male

10. The Biggest Loser
—–NBC
—–Lifestyle Change
—–Both

11. Wife Swap
—– ABC
—– Lifestyle Change
—–Both

12. Trading Spouses
—–Fox
—– Lifestyle Change
—–Both

13. Nanny 911
—– Fox
—– Lifestyle Change
—–Female

14. The Contender
—— NBC
—— Talent Search
—— Both

15. Big Brother
—– CBS
—– Reality Game Show
—–Both

16. America’s Next Top Model
—– UPN
—– Talent Search
—– Female

17. The Benefactor
—– ABC
—– Reality Game Show
—– Both

18. The Rebel Billionaire
—–Fox
—– Talent Search
—– Both

19. The Next Great Champ
—– Fox
—– Talent Search
—– Male

20. My Big Fat Obnoxious Boss
—– Fox
—– Talent Search
—– Both

21. Wickedly Perfect
—– CBS
—– Reality Game Show
—– Female

22. Sports Illustrated Swimsuit Model Search
—– NBC
—– Talent Search
—– Male

23. Who’s Your Daddy
—– Fox
—– Reality Game Show
—– Both

24. Last Comic Standing 3
—– NBC
—– Talent Search
—– Both

25. The Complex
—– Fox
—– Makeover
—– Both

26. House Rules
—– TBS
—– Makeover
—– Both

27. The Will
—– CBS
—–
—– Both

28. The Bachelor
—– ABC
—– Dating
—– Female

29. The Bachelorette
—– ABC
—– Dating
—– Male

30. Extreme Makeover
—– ABC
—– Makeover
—– Female

31. The Swan
—–Fox
—–Makeover
—– Both

32. Project Runway
—– Bravo
—– Talent Search
—– Female

33. Laguna Beach
—– MTV
—– Documentary Style
—– Both

34. The Real Orange County
—– MTV
—– Documentary Style
—– Both

35. The Real Gilligan’s Island
—– TBS
—– Reality Game Show
—– Both

36. The Surreal Life
—– VH1
—– Reality Game Show
—– Both

37. Celebrity Fit Club
—– VH1
—– Lifestyle Change
—– Female

38. Nashville Star
—– USA
—– Talent Search
—– Both

39. Newlyweds
—– MTV
—– Docusoap
—– Both

40. Trading Spaces
—– TLC
—– Makeover
—–Female

41. Extreme Makeover: Home Edition
—–ABC
—– Makeover
—– Female

42. Queer Eye for the Straight Guy
—– Bravo
—– Makeover
—– Female

43. Queer Eye for the Straight Girl
—–Bravo
—–Makeover
—– Female

44. Project Greenlight
—– Bravo
—– Documentary Style
—– Both

45. Celebrity Poker Showdown
—– Bravo
—– Reality Game Show
—– Male

46. Showbiz Moms and Dads
—– Bravo
—– Documentary Style
—– Both

47. Showdog Moms and Dads
—– Bravo
—– Documentary Style
—– Both

48. Forty Deuce
—– Bravo
—– Documentary Style
—– Both

49. Blow Out 2
—– Bravo
—– Documentary Style
—– Both

ที่มา : Reality TV World News