MP3 เคยได้รับความนิยมสูงสุดของกลุ่มเทรนดี้ในประเทศเกาหลี ที่คลั่งเสียงเพลงผ่านอุปกรณ์ไฮเทคอย่างรุนแรง จนเกิดเป็นสังคมใหญ่ และแพร่หลายไปยังยุโรปและสหรัฐอเมริกา จนเกิดความต้องการบริโภคเติบโตอย่างรวดเร็ว ตามกระแสเพลงที่เปลี่ยนรูปแบบคอนเทนต์ไปสู่ดิจิตอลมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ส่งผลให้ตลาดเหล่านั้นเริ่มชะลอตัว และคาดว่าจะอิ่มตัวในที่สุด
นั่นเป็นเหตุผลให้ MP3 ค่ายต่างๆ โดยเฉพาะแบรนด์เทรนดี้ 2 ค่ายจากประเทศเกาหลี อาทิ ซัมซุง และเอ็มพีโอ (MPIO) ต่างมองหาตลาดใหม่ที่จะสร้างการเติบโตให้เจ้าสินค้าไฮเทคต่อไป ด้วยการหันมาโฟกัสตลาดในเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะประเทศไต้หวันและญี่ปุ่น รวมทั้งประเทศไทยที่กำลังเป็นตลาดใหญ่ และเติบโตสูงสุดในปีนี้
MPIO คาดการณ์ว่า ปีนี้ตลาดรวมเครื่องเล่น MP3 ทั่วโลกจะมีมูลค่าประมาณ 50 ล้านเครื่อง ตลาดจะเติบโตสูงสุด จะเป็นเครื่องที่มีฟังก์ชันแบบฮาร์ดดิกส์ และแบบเมมโมรี่แฟลชที่มีความเร็วสูงๆ รวมทั้งมีฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่รองรับไฟล์มัลติมีเดีย อาทิ ดูหนัง ฟังเพลง หรือเก็บไฟล์ภาพดิจิตอล เป็นต้น ส่วนตลาดประเทศไทยน่าจะเติบโตประมาณ 2 เท่า จากตลาดรวมประมาณ 600,000 ในปีที่ผ่านมา
ซีเอส ลิม ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาดต่างประเทศของ MPIO บอกว่า “ปีนี้ตลาด MP3 ในประเทศไทยจะร้อนแรงที่สุด เพราะมีเวนเดอร์หน้าใหม่ๆ เข้ามาในตลาดมากขึ้น อาทิ ซัมซุง ที่เคยเป็นผู้นำตลาดอันดับ 2 ในประเทศเกาหลี และสินค้า non-brand จากจีน และไต้หวัน ที่จะเข้ามาแข่งขันราคารุนแรงมากขึ้น ดังนั้นปีนี้น่าจะเห็นสีสันในตลาดไม่น้อย”
ล่าสุด MPIO ได้ส่งเครื่องเล่น MP3 รุ่นใหม่ลงสู่ตลาดพร้อมกันอีก 3 รุ่น ที่โดดเด่นด้านดีไซน์ของเครื่องที่ขนาดเล็กเท่าแท่งลิปสติกแต่มีฟีเจอร์หลากหลาย ทั้งการบันทึกข้อมูลภาพและเสียง รวมทั้งสามารถดาวน์โหลด MV เพลงโปรดมาดูได้ที่เครื่อง เพื่อสร้างสีสันให้กับตลาดในช่วงกลางปีนี้
หลังจากประสบผลสำเร็จมีรายได้เติบโตในไตรมาสแรกเกือบ 300% ด้วยยอดขายเฉลี่ย 1,000 เครื่องต่อเดือน และมีแผนจะเพิ่มเป็น 3,000 เครื่องภายในกลางปีนี้ เพื่อเพิ่มยอดขายได้ถึง 20,000 เครื่องภายในสิ้นปีนี้ ด้วยการจัดกิจกรรมการตลาดที่มีสีสัน อาทิ ใช้ DJ เป็นพรีเซ็นเตอร์ในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือโปรโมตผลิตภัณฑ์ผ่านคลื่นวิทยุ หรือรายการเพลง เพื่อสร้างความน่าสนใจ และนำเสนอ MPIO ให้เข้าถึงกลุ่มคนรักการฟังเพลง รวมทั้งเตรียมเปิดเว็บไซต์ www.mpio.co.th เป็นภาษาไทย ในเดือนกันยายนนี้ เพื่อเพิ่มช่องใหม่ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น
MPIO วางโพซิชั่นทางการตลาดไว้ในระดับเดียวกับ iRiver ที่มุ่งจับไลฟ์สไตล์ลูกค้าในระดับกลางถึงบน ราคาประมาณ 4,000-5,000 บาทขึ้นไป เนื่องจากมองว่าเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่เฉลี่ยประมาณ 20-30% ของตลาดรวม MP3 ในปัจจุบัน
เป้าหมายของ MPIO คือ การครองส่วนแบ่งการตลาดในอันดับต้นๆ รองลงมาจาก iPod และ iRiver และแซงหน้า MP3 แบรนด์ “yepp” ของซัมซุงที่เคยเป็นผู้นำตลาดเบอร์ 2 รองจาก iRiver ในประเทศเกลาหลี แต่ปีนี้ MPIO มั่นใจว่าทวงแชมป์เบอร์ 2 คืนจากซัมซุง หลังจากบุกตลาดไทยอย่างหนักในปีนี้ และซัมซุงก็ยังไม่สามารถสร้างสีสันในตลาดได้เท่าที่ควร
ฝั่ง Samsung ไม่ยอมน้อยหน้า แก้เกมด้วยการทยอยส่ง MP3 รุ่นใหม่ๆ ลงสู่ตลาดไม่ต่ำกว่า 12 รุ่นและฉีกกลยุทธ์การตลาด จัดกิจกรรมเจาะตลาดเซกเมนต์มากขึ้น อาทิ จัดอีเวนต์ในสถานศึกษา ฟิตเนส หรือสยาม เซ็นเตอร์ เพื่อนำสินค้ารุ่นใหม่ๆ ให้เข้าถึงลูกค้าเฉพาะกลุ่มได้มากขึ้น เพราะยังถือว่าเป็นน้องใหม่ในตลาดที่เพิ่งเข้ามาแจมเมื่อปลายปีที่ผ่านมา
แม้ว่า Samsung จะมีโพซิชั่นเป็นลีดเดอร์ในตลาดคอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ AV ในระดับต้นๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะประสบความสำเร็จในตลาด MP3 ได้ในเวลาอันรวดเร็ว เพราะทุกวันนี้ “yepp” ยังเป็นผลิตภัณฑ์ตัวแรกของแผนกดิจิตอลมีเดีย ที่แทรกอยู่ภายใต้กลุ่มธุรกิจ AV ของซัมซุง หรือถ้ามองในทางกลับกันอาจจะเป็นการเตรียมพร้อมให้เกิดความคล่องตัวในการทำตลาดในอนาคต
Samsung ยังคงค่อยๆ เดินหน้าจัดกิจกรรมการตลาด เพื่อให้แบรนด์ซึมลึกไปยังตลาดเป้าหมาย รวมทั้งชูความแตกต่างด้านดีไซน์แปลกใหม่ เพื่อสร้างความแตกต่าง ดึงดูดความสนใจของลูกค้าเฉพาะกลุ่มอยู่ตลอดเวลา อาทิ เพิ่มฟีเจอร์วัดแคลอรีของ MP3 ในรุ่นที่ทำตลาดในกลุ่มนักกีฬา และฟิตเนส เป็นต้น
มือการตลาด MP3 วัยกระเตาะ (วัยหนุ่มสาว)
“เมธัส ลิขิตสัจจากุล” เจ้าหน้าที่การตลาดผลิตภัณฑ์ แผนกดิจิตอลมีเดีย บริษัท ไทยซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ จำกัด วัย 24 ปี เป็นมือการตลาดคนแรกที่เข้ามาดูแลตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องเล่น MP3 ของซัมซุงมาตั้งแต่ต้น
ด้วยดีกรีปริญาตรี เศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และปริญญาโท ด้านการพัฒนาธุรกิจและการค้าจากประเทศอังกฤษ ตลอดจนประสบการณ์ที่เคยร่วมงานกับบริษัทไอที ทั้งด้านฮาร์ดแวร์ ในต่างประเทศได้ปลูกฝั่งให้เกิดวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ใฝ่การเรียนรู้ และเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ วัยหนุ่มสาวที่หลงใหลในอุปกรณ์ไฮเทค และของเล่นใหม่ๆ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี
การเลือกผู้บริหารรุ่นหนุ่มเข้ามารับผิดชอบ ก็เพื่อให้สอดคล้องกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายในตลาดเป็นกลุ่มวัยหนุ่มสาวอายุประมาณ 24-25 ปี เนื่องจากเป็นคนรุ่นใหม่ ที่เริ่มต้นทำงาน มีความมั่นใจสูง และมีความเป็นอิสระในการดำเนินชีวิต พร้อมที่จะซื้อสินค้าใหม่ๆ มาใช้ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวันได้