คาแร็กเตอร์ตลาด mai ในมุมมองของวิเชฐ บอกไว้ชัดเจนว่า วางโพสิชั่นนิ่งสำหรับคนรุ่นลูก ไม่ใช่คนรุ่นพ่อหรือเถ้าแก่ ที่นึกถึงแต่ที่ดิน โรงงาน และอาคารขนาดใหญ่เป็นทรัพย์สินมีมูลค่า
ตรงกันข้าม การสร้างตัวของคนรุ่นพ่อที่จบ ป.4 กับคนรุ่นลูก เจเนอเรชั่นใหม่ ที่เรียนจบมาจากเมืองนอกจะต่างกัน คนรุ่นหลังจะเริ่มรีเอ็นจิเนียริ่งองค์กร รีแบรนดิ้งธุรกิจ รีแพ็กเกจ หรือไม่งั้นก็กระเสือกกระสนสร้างธุรกิจของตัวเอง โดยไม่สนใจธุรกิจของผู้นำครอบครัว
โจทย์ตั้งขึ้นมาอย่างนี้ ธุรกิจหรือนักลงทุนก็ควรจะเป็นกลุ่มเดียวกันที่เข้าใจและสื่อถึงกันเป็นภาษาเดียวกัน…
การจะสร้างภาพตลาด mai ให้ชัดคมขึ้น จึงต้องสร้างแรงกระตุ้น แรงปรารถนาให้กับคนรุ่นใหม่มากกว่าจะเป็นคนรุ่นเก่า
“หากพูดถึงการผลิตคาแร็กเตอร์อย่างมิคกี้เม้าส์ ที่โด่งดังจนกลายเป็นลิขสิทธิ์ของวอลท์ ดิสนีย์ คนรุ่นพ่ออาจไม่เข้าใจ ส่วนใหญ่ยังให้ความสำคัญมูลค่าทรัพย์สินจากโรงงาน ที่ดิน อาคาร และสต็อกสินค้า”
ขณะที่คนรุ่นหลังที่เกิดมาในยุคคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ตจะรู้ว่า ความสำคัญของคอมพิวเตอร์คือ มันสมองที่สามารถเปลี่ยนฟิลด์ได้กับทุกธุรกิจ ดังนั้นใครที่นำมาประยุกต์ใช้ได้ดีกว่าคนอื่นก็จะได้เปรียบ
“คนรุ่นลูกออกแบบบ้านใช้คอมพิวเตอร์ ใช้เวลาไม่ถึง 3 วัน ทั้งออกแบบและแก้ไข ไม่ต้องใช้เวลานานเป็นเดือนๆ เหมือนเมื่อก่อน”
การออกแบบโมเดลรถรุ่นใหม่ ทุกวันนี้ก็เช่นกัน ถ้าเป็นเมื่อก่อนต้องทำแม่พิมพ์ แต่ตอนนี้ผลิตรถทำได้ทุกโมเดล ผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์… นี่คือความมหัศจรรย์ของเทคโนโลยี…
งานหนักของทีมงานวิเชฐจึงหมายถึง การนำคนยุคเดียวกันมาพบเจอกัน ผ่านกิจกรรมการตลาดที่ฉีกไปจากเดิม
งานอีเวนต์ของตลาด mai มีตั้งแต่ที่จัดคล้ายงานแฟนซีของฝั่งนักลงทุน การจัดงานในลักษณะเอ็ดดูเทนเมนต์ ในสไตล์แฟมิลี่โนว์ฮาว หรือจัดงานพบปะสังสรรค์เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลในโรงภาพยนตร์ โดยใช้เวทีและที่นั่งในโรงหนังนั้นเป็นจุดนัดพบหารือ ให้คำปรึกษา
ไม่ใช่จัดในห้องประชุม นั่งดูสไลด์บนตึกสูงของอาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่อาจฟังดูแล้วน่าเบื่อ…
งานโฆษณา “กบกระโดด” ที่กำลังโน้มน้าวใจนักธุรกิจรุ่นใหม่ ให้สนใจเข้ามาจดทะเบียนในตลาดฯ ก็พอจะอธิบายได้ถึงอนาคตของธุรกิจในยุคอินเทอร์เน็ตที่จะเริ่มเติบโต
โฆษณาชิ้นนี้เป็นการบอกผ่านไปถึงกลุ่มเป้าหมายที่ค่อนข้างชัดเจน “อีกหน่อยอาจเป็นกบติดจรวด เกาะปุ๊บก็พุ่งไปถึงดวงดาวเลย หรือชุดต่อไปอาจเอาคนมาขี่กบ ถ้ากบกระโดดไกล ก็จะไปกับกบ”
วิเชฐ บอกว่า ตลาด mai จะไปในทุกที่ที่เรียกว่า “นิวเจเนอเรชั่น แอท ฮาร์ท” ไปพบคนรุ่นใหม่ในสไตล์คนรุ่นใหม่
“เราต้องการคนมีความรู้ มีกำลังเงิน เข้าใจมากพอจะเข้ามาร่วมในตลาด mai ไม่ใช่แค่พยักหน้าหงึกๆ แล้วก็กลับบ้าน เพราะไม่มีเงิน”
หน้าที่ของ mai ในอีกมุมหนึ่งจึงเหมือนเป็นพ่อสื่อ คอยจับคู่ให้ธุรกิจและนักลงทุนมาทำความรู้จักกัน เหมือนเน็ตเวิร์กกิ้ง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับทั้งสองฝ่าย