พี่น้อง “ภิญญาวัฒน์” แห่ง Sport City

“เราอยากสร้างให้ Sport City เป็นอีกทางเลือกของคนรุ่นใหม่ การเล่นกีฬาก็เป็นประโยชน์กับชีวิต ซึ่งเชื่อว่าคงไม่มีใครเกลียดกีฬา” เป็นแนวคิดเบื้องต้นที่ชักนำพี่น้องตระกูลภิญญาวัฒน์เข้าสู่ธุรกิจฟิตเนสและสปอร์ต เซ็นเตอร์

นิดาและวิน ภิญญาวัฒน์ ได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ถือหุ้นอื่นให้รับตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงใน Sport City ซึ่งเป็นศูนย์กีฬาครบวงจรบนเนื้อที่ 27 ไร่ติดถนนประชาชื่น โดยนิดารับตำแหน่งผู้อำนวยการด้านการตลาดและการขาย ขณะที่วินรับตำแหน่งผู้อำนวยการ ทั้งนี้คงไม่ใช่เพียงเพราะดีกรีจากอเมริกา หรือประสบการณ์ทำงานเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะทั้งคู่เป็นผู้จุดประกายความคิดในการทำธุรกิจนี้

“ตอนจะสร้างก็มานั่งคิดกับครอบครัวว่า ไหนๆ จะทำแล้วก็ทำให้มันเจ๋งไปเลย ถ้าธรรมดาเหมือนคนอื่นก็ยิ่งแข่งกันยาก ก็เลยคิดว่าทำให้ใหญ่ไปเลย” วินเล่าถึงเหตุของความยิ่งใหญ่ เมื่อผนวกกับความชอบเล่นกอล์ฟของครอบครัว สนามกอล์ฟจึงกินพื้นที่เกือบครึ่งของศูนย์กีฬาแห่งแรกของ “ภิญญาวัฒน์” และหุ้นส่วน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเพื่อนและครอบครัว

เริ่มตั้งแต่การสำรวจตลาด ทั้งสองพี่น้องต้องเข้าไปทดลองใช้บริการในฟิตเนสต่างๆ และรวบรวมความต้องการของผู้บริโภคจากการพูดคุยกับเพื่อนซึ่งเป็นสมาชิกฟิตเนสที่ต่างๆ ผสมผสานกับประสบการณ์ใช้ฟิตเนสของทั้งคู่ ไม่ว่าจะในไทยหรืออเมริกา เมื่อได้ไอเดีย นิดาจึงเริ่มระดมทุน ด้วยการเสนอโครงการกับคนรู้จักที่มีวิสัยทัศน์และภูมิหลังคล้ายกัน พร้อมกับหาทำเล จนมาลงตัวบนที่ดินผืนสวยท่ามกลางหมู่บ้านระดับห้าล้านขึ้น และแวดล้อมด้วยองค์กรขนาดใหญ่ เช่น การประปา กระทรวงไอซีที และทศท. ทั้งนี้เพราะได้มิตรดีอย่างกลุ่มแกรนด์ ฟอร์จูน เจ้าของทำเลทอง และเจ้าของหมู่บ้านแกรนด์ คาแนล ซึ่งอยู่ติดกัน

การออกแบบตกแต่ง เธอศึกษาจากหนังสือต่างประเทศและอินเทอร์เน็ต ร่วมกับการพูดคุยกับครอบครัวและผู้ถือหุ้นอื่น ก่อนจะวางกรอบแนวคิดให้กับบริษัทออกแบบ “ไม่ใช่แค่มี Sport Complex แล้วคนจะเข้ามา ต้องมีดีไซน์ที่ทันสมัย ทำให้คนเข้ามาแล้วรู้สึก in-trend ด้วย” ส่วนการเลือกอุปกรณ์ฟิตเนส นิดาคัดเลือกทีมผู้เชี่ยวชาญผู้มีประสบการณ์ในวงการเข้ามาช่วยคัดเลือกอุปกรณ์ว่า เครื่องไหน ยี่ห้ออะไร ดีต่อการออกกำลังกายส่วนใด ขณะที่การคัดเลือกบุคลากร เธอใช้เกณฑ์ “คุณสมบัติและนิสัยใจคอ” ที่เข้ากับวัฒนธรรมองค์กรซึ่งวินย้ำว่า “เราทำงานกันหนัก”

“ในการวางแผนนโยบายและกลยุทธ์ ผม คุณนิดา และหัวหน้าฝ่ายทุกคนต้องมาประชุมหมด จะมานั่งคุยกันว่า บริษัทอื่นเป็นอย่างไร เราอยากเป็นอย่างไร เราแข็งหรือด้อยกว่าตรงไหน แล้วก็วางแผนไปทำ ซึ่งหัวหน้าฝ่ายจะได้อำนาจและอิสระในการตัดสินใจ โดยมีคุณนิดาเป็นคนเคาะหลักกรณีตกลงกันไม่ได้” วินกล่าวถึงลักษณะการทำงานของที่นี่ ซึ่งหน้าที่หลักของเขา คือการวางระบบเทคโนโลยีในการบริหารและบริการลูกค้าทั้งหมด รวมทั้งเป็นผู้ดูแลต้นทุน บัญชี และการเงินของบริษัท

ด้วยหน้าที่ในฐานะผู้อำนวยการด้านการตลาดและการขาย นิดาจะตระเวนเอาโครงการและวิสัยทัศน์ของบริษัทไปนำเสนอกับบริษัทต่างๆ เพื่อหาหุ้นส่วนที่มีศักยภาพและเหมาะที่จะมาตั้งในศูนย์กีฬาแห่งนี้ ซึ่งเธอกระซิบว่า “เกรดบีบวกขึ้นไป” พร้อมกับเสนอขายสื่อภายในศูนย์ให้กับสปอนเซอร์ที่เธอเชื่อว่าน่าจะมาช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับชื่อ Sport City ได้ “อย่างยูนิฟอร์ม เราคิดว่ามันจะแรงกว่า ถ้าเรามี Nike Reebok หรือ Adidas มาเป็นสปอนเซอร์ เราก็ไปคุยกับทุกเจ้า พูดให้เขาเห็นว่าทำไมถึงต้องมาเป็นสปอนเซอร์ให้เรา”

สำหรับแผนการตลาดและส่งเสริมการขาย นิดาเน้นที่การจัด event โดยขอความร่วมมือกับร้านค้าภายใน ร่วมกับการทำ co-promotion กับบริษัทภายนอก เช่น AIS และบัตรซิตี้แบงก์ โดยเธอใช้ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าเป็นเกณฑ์พิจารณาว่าควรทำร่วมกับบริษัทอะไร รวมถึงการโฆษณาแฝงในสื่อ (media) ต่างๆ แต่ทว่าเธอคงย้ำกลยุทธ์สำคัญ คือ การบริการแบบ CRM “ตอนนี้ไม่ว่าธุรกิจอะไร เขาก็เน้นเรื่อง Customer service อย่างชัดเจนทุกธุรกิจอย่างนี้ก็คงมาจบเรื่องการบริการ”

สุดท้าย เมื่อ Positioning ตั้งข้อสังเกตถึงความยิ่งใหญ่ของ Sport City ว่ามาจากพื้นฐานครอบครัว “ภิญญาวัฒน์” ซึ่งมีเน็ตเวิร์กในแวดวงธุรกิจเยอะ สองพี่น้องตอบ “ใช่ แต่ไม่ทั้งหมด อีกส่วนเป็นเพราะได้ทีมงานที่ดีด้วย” ก่อนจะเล่าถึงอีกกิจวัตรที่ทั้งคู่ต้องทำคือ การสร้างแรงจูงใจให้พนักงานได้มองเห็นภาพใหญ่ของบริษัทและภาพข้างหน้าของตัวเอง “ทีมงานไปได้แต่ไหน ที่นี่ก็ไปได้แค่นั้น” วินย้ำ

Profile